"ภราดร" ชู 4 พันธกิจแก้ ความมั่นคงชายแดน ข่าวกรองเข้ม กำลังพร้อมรบ ปราบอาชญากรข้ามชาติ แก้ปัญหาไร้สัญชาติ ชี้สถานการณ์คุกรุ่น ฝ่ายนโยบายฝ่ายประจำต้องร่วมมือ มั่นใจไทยสร้างไทยมีอำนาจแก้ได้ทันที
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงแนวคิดด้านความมั่นคงและบทบาททางการเมืองร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย โดยระบุว่าการผสานเจตจำนงทางการเมืองกับองค์ความรู้ด้านความมั่นคงที่ได้สั่งสมมา จะช่วยผลักดันประชาธิปไตยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และตอบโจทย์ปัญหาความมั่นคงที่ประเทศกำลังเผชิญ
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า กลุ่มสวัสดีคนไทยต้องการผลักดันนโยบายให้ลงสู่พื้นที่และเกิดผลจริง ซึ่งจังหวะทางการเมืองในปัจจุบันเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย และช่วยนำประสบการณ์ที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. มาประยุกต์ใช้ โดยย้ำว่าประเทศกำลังอยู่ในสถานการณ์ความมั่นคงที่ “คุกรุ่น” มาหลายเดือน ทั้งกรณีพิพาทไทย–กัมพูชา ปัญหาสแกมเมอร์ข้ามชาติ และภัยพิบัติอย่างสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ซึ่งล้วนต้องการการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
พล.ท.ภราดร ชี้ว่า พรรคไทยสร้างไทยหากได้โอกาสเป็นรัฐบาล สามารถเดินหน้าจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ทันที โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ “สถาปนาความมั่นคงชายแดน” ที่ประกอบด้วยพันธกิจ 4 ประการ ได้แก่ การจัดระบบข่าวกรองชายแดน การจัดกองกำลังและการลาดตระเวนรับมือเหตุฉุกเฉิน การจัดระเบียบความมั่นคงชายแดนเพื่อควบคุมและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการจัดการปัญหาคนไร้สัญชาติ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน พล.ท.ภราดรระบุว่าแผนงานเหล่านี้มีเจ้าภาพชัดเจน ทั้ง สมช. หน่วยงานด้านทหาร และหน่วยงานความมั่นคงอื่น ๆ แต่ที่ผ่านมาไม่ถูกหยิบมาใช้ ทั้งที่สามารถดำเนินการได้ทันทีภายในหนึ่งสัปดาห์หลังเข้ารับอำนาจรัฐ
สำหรับการเลือกตั้งที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือน พล.ท.ภราดรยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยเตรียมหยิบประเด็นด้านความมั่นคงมาเป็นนโยบายสำคัญ โดยเฉพาะกรณีพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา และปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะใช้แนวทางสันติวิธี เน้นการพูดคุยสันติภาพและการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” เป็นหัวใจของการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ได้พูดคุยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค พร้อมหารือแนวทางปรับนโยบายระหว่างกลุ่มสวัสดีคนไทยกับพรรคไทยสร้างไทยให้สอดคล้องกัน โดยฝ่ายจะมุ่งเน้นด้านความมั่นคง ขณะที่พรรคไทยสร้างไทยจะดูแลนโยบายในมิติอื่น เพื่อให้ท้ายที่สุดเกิด “นโยบายร่วม” ที่สามารถผลักดันสู่การปฏิบัติได้จริงหากพรรคได้เป็นรัฐบาล
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า หากพรรคไทยสร้างไทยได้อำนาจรัฐ จะเป็นโอกาสเห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างด้านความมั่นคง เพราะเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำให้ “ฝ่ายนโยบาย” และ “ฝ่ายประจำ” ทำงานสอดประสานกัน ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ได้ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาความมั่นคงล่าช้าและไม่ตอบโจทย์ประชาชน








