วันที่ 16 พ.ย.2568 นายพายุ เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า
" หลังจากที่ทหารไทยได้มีการไปเหยียบกับระเบิด ซึ่งทางมาเลเซียได้ยืนยันแล้วว่าเป็นกับระเบิดที่ถูก “วางใหม่” ไม่ใช่ของเก่า นี่คือประเด็นที่กระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของประเทศโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ท่านนายกฯจะได้แสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าวภายในประเทศไปแล้ว แต่ปัจจุบันประชาชนทั้งประเทศกำลังจับตาท่าทีของไทยบนเวทีโลก มากกว่าคำประกาศภายในประเทศ ในเมื่อฝ่ายตรงข้าม รวมถึงมาเลเซียและสหรัฐฯได้ “ขยับตัวเชิงรุก” ไปแล้ว โดยวางตัวเป็น ตัวกลาง ในกระบวนการเจรจาครั้งใหม่
แต่ตลอดสองถึงสามวันที่ผ่านมาเรากลับแสดงบทบาทในลักษณะของ “ผู้ตามกระแส” มากกว่า “ผู้เสียหาย” ที่ควรเป็นฝ่ายเรียกร้องความชัดเจนจากคู่กรณีและจากตัวกลางอย่างหนักแน่นและเป็นทางการผ่านกลไกทางการทูตให้ชาวโลกได้เห็น ท่าทีของท่านนายกฯที่สื่อภายในประเทศคือความพร้อมที่จะเป็น “ช้างศึก” แต่ในทางปฏิบัติบนเวทีนานาชาติ เรายังไม่เห็นความพยายามที่จะทำให้ไทยยืนอยู่ในฐานะ “ช้างเท้าหน้า” ในการเจรจาสันติภาพครั้งใหม่นี้กลับกัน เรากลายเป็นผู้ที่ต้องเดินตาม narrative ที่กัมพูชาร่างไว้ล่วงหน้าอยู่ 2–3 ก้าว และปล่อยให้กัมพูชาใช้เวทีระหว่างประเทศในการฟอกขาวตนเอง ผ่านถ้อยแถลงและการประสานงานกับตัวกลางอย่างมาเลเซียและสหรัฐฯ โดยที่ไทยผู้ได้รับความเสียหายจริงกลับไม่มีการสื่อสารที่มีน้ำหนักในระดับเดียวกัน
ความชัดเจนในนโยบายการทูตของไทยควรจะต้องมากกว่าการใช้วาทกรรมปลุกกระแสชาตินิยมโดยไม่ได้คำนึงถึงภูมิรัฐศาสตร์ และผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของชาติในระยะยาว หากท่านนายกฯตั้งใจจะเป็น “ช้างศึก” จริง นั่นต้องเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อทางเลือกอื่นหมดไปแล้ว.. แต่ในห้วงเวลานี้ทางเลือกที่เหมาะสมและสอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติ คือการเป็น “ช้างเท้าหน้า” ที่กำหนดทิศทางของกระบวนการสันติภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้เราอยู่ในบทบาท “ช้างเท้าหลัง” อย่างที่ปรากฏในขณะนี้
ในบริบทของสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนและสายตานานาชาติจับจ้อง การนิ่งเฉยหรือการตอบสนองล่าช้าในทางการทูตไม่เพียงทำให้ไทยสูญเสียพื้นที่ทางการเจรจา หากยังเปิดโอกาสให้คู่กรณีสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ทับความจริงที่เกิดขึ้น การนำพาประเทศผ่านความท้าทายเช่นนี้ต้องการมากกว่าการแสดงท่าทีภายในประเทศต้องการผู้นำที่กล้า “ยืนในหน้าประวัติศาสตร์” ด้วยความชัดเจน ทั้งในการรักษาอธิปไตยและในการวางตัวเป็นผู้กำหนดทิศทางสันติภาพอย่างแท้จริงครับ"








