จากการที่พ่อแม่ได้เดินทางไปที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีรังสิต-นครนายกคลอง 7 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.แอน(นามสมมติ) อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี พร้อมกับสามีซึ่งเป็นข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทราเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯกรณี“น้องสมาร์ท”ลูกชายวัย 5 เดือนเป็นลูกคนแรกที่นำไปจ้างเลี้ยงเลือดคั่งในสมองขณะฝากเลี้ยงต้องนำตัวส่งรพ.นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่า 20 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นขอให้ช่วยติดตามคดีให้ด้วย น.ส.แอน(นามสมมติ) กล่าวว่าตนเริ่มนำน้องสมาร์ทไปฝากเลี้ยงกับยายแดง (นามสมมติ) อายุประมาณ 60 ปี ซึ่งบ้านอยู่ละแวกเดียวกันใน อ.เมือง จ.จันทบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ค.62 หลังได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้จักโดยไปส่งลูกตอนเช้าและรับกลับช่วงเย็นส่วนสามีเป็นครูอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทราจะกลับบ้านช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ซึ่งยายแดงคิดค่าจ้างวันละ 250 บาท ถ้าวันไหนเด็กนอนค้างคืนด้วยก็จะคิดเพิ่มอีก 250 บาท เป็น 500 บาท ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไรต่อมาวันที่ 1ส.ค.62 ตนจะไปสอบประกันหลักสูตรและต้องจัดเตรียมงานจึงนำลูกไปฝากยายแดงเลี้ยงโดยให้ค้างคืนที่นั่น 1คืนด้วยช่วงเย็นวันที่ 2 ส.ค.62 ตนก็แวะไปหาลูกที่บ้านยายแดงก็ยังพบว่าปกติดีอยู่จึงฝากลูกให้อยู่ต่ออีกวันเพราะตนต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปสอนเด็กพิเศษทุกวันเสาร์อย่างที่เคยพอวันเสาร์ที่ 3ส.ค.62 เวลาประมาณ 10.00 น.ขณะที่สอนเด็กพิเศษอยู่ยายแดงโทรมาหาตนแจ้งว่าน้องสมาร์ทไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆมีอาการคออ่อนตาลอยตัวอ่อนนิ่มไม่มีแรงตนจึงบอกให้รีบพาไปโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีพร้อมกับโทรบอกเพื่อนที่อยู่ใกล้ช่วยไปดูให้ก่อนโดยน้องสมาร์ทมีอาการชักเกร็งแพทย์จึงฉีดยากันชักให้ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีแพทย์ทำการเจาะเลือดเอกซเรย์ปอดตรวจซีทีสแกนสมองและให้ยากันชักใน 2 วันแรกน้องสมาร์ทสามารถขยับตัวได้แต่ไม่ลืมตาจนกลางดึกของวันที่ 5 ต่อเนื่องวันที่ 6ส.ค.น้องสมาร์ทมีอาการชักเกร็งจนถึงเย็นวันที่ 6ส.ค.รวมแล้วมากกว่า 20 ครั้ง ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้ยากันชักเพื่อควบคุมอาการและใส่เครื่องช่วยหายใจนำตัวเข้าห้องไอซียูระหว่างนั้นแพทย์ได้เรียกพ่อแม่และยายเข้าไปฟังผลซีทีสแกนสมองพบว่ามีเลือดออกในสมองโดยตรวจพบเลือดบริเวณรอบๆสมองและด้านในสมองมีทั้งเลือดเก่าและเลือดใหม่โดยแพทย์นิติเวชให้พ่อแม่เข้าแจ้งความไว้ก่อนจากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 7ส.ค.62 หลังแจ้งความก็ทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการไปตรวจที่บ้านของยายแดงและสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นและล่าสุดทางตำรวจแจ้งว่ายังรอผลตรวจจากแพทย์อยู่ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาใครได้จึงมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ “ตนเพิ่งมีลูกชายคนแรกไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องแบบนี้ขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยทำความจริงให้ปรากฏหลังเกิดเหตุยายแดงก็มีมาเยี่ยมน้องสมาร์ท 2 ครั้ง แต่หลังจากตนแจ้งความแล้วก็ไม่มาอีกเลยที่ผ่านมายายแดงยืนยันว่าวันเกิดเหตุก่อนที่จะพบว่าน้องสมาร์ทมีอาการผิดปกติกำลังเข้าไปบดข้าวเพื่อป้อนให้เด็กอีกคนและได้ยินเสียงน้องสมาร์ทนอนร้องไห้ประมาณ 3-4 นาทีพอเดินมาดูก็พบว่าคออ่อนตาลอยแล้วไม่ได้เรื่องอื่นใด” น.ส.แอน (นามสมมุติ)กล่าวอีกว่าตอนนี้น้องสมาร์ทก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีล่าสุดแพทย์ตรวจพบว่ามีเลือดออกที่จอประสาทตาไม่มีทางรักษาได้และอาจจะส่งผลให้ตาบอดในอนาคตส่วนอาการเลือดคั่งในสมองอาจส่งผลให้เด็กพิการทางสมองได้ยังคงให้ยารักษาต่อไปพร้อมกับทำกายภาพบำบัดในเรื่องพัฒนาการต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่การฝึกดูดนมฝึกกลืนคว่ำชันคอแต่ตนก็ยังไม่สิ้นหวังจะรักษาลูกให้ดีที่สุดและเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป ล่าสุดวันนี้ ที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อและแม่ของน้องสมาร์ก เพื่อมาดูอาการของน้องและรับฟังผลการตรวจของทีมแพทย์ หลังเดินทางมาถึงได้พบกับ นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกุลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี พร้อมทีมแพทย์ พล.ตำรวจตรี วัฒนา ยี่จีน ผู้บังคับการภูธรจังหวัดจันทบุรี ได้เข้าเยี่ยมอาการของน้องสมาร์ก ที่นอนรักษาตัวอยู่ประมาณ 10 นาที ได้กลับมาที่ห้องประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ผลสรุปกรณีพบเลือดออกในสมองที่มีทั้งเลือดเก่าและเลือดใหม่ ที่เกิดจากเส้นเลือดในสมองแตกจากการเขย่าตัวอย่างรุนแรง ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการอุ้มหรือวางเด็กที่รุนแรงก็อาจเป็นได้ ส่วนผู้ใดเป็นผู้กระทำนั้นทางตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี จะต้องสอบปากคำตายายที่รับเลี้ยงเด็ก และพ่อแม่ของเด็กอีกครั้งว่าการกระทำนั้นเกิดจากใคร ในช่วงเวลาใด ส่วนอาการของน้องสมาร์กยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีอยู่ แต่เส้นเลือดในสมองไม่มีการแตกเพิ่มแล้ว จะเหลือเพียงเลือดที่ตกค้าง ซึ่งจะค่อยๆละลายหายไป คุณแม่สามารถรับน้องกลับบ้านได้เมื่อพร้อม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามยังญาติของแม่เด็กถึงประเด็นว่าการเขย่าตัวลูกว่าแม่เคยทำแบบนี้กับน้องหรือไม่ ทางญาติตอบว่าไม่หน้าเป็นไปได้เพราะแม่เด็กเป็นครูสอนเด็กพิเศษ และเด็กออทิสติกที่มีความรู้ความเข้าใจในความรู้สึกของเด็กดี แต่ก็ต้องให้รอผลยืนยันจากทางตำรวจอีกครั้งต่อไป