กำนันผู้ใหญ่บ้านเฮลั่น! “บิ๊กป๊อก” เผย รบ.กำลังแก้กม.ยกฐานะอปท. คืนกว่า 700 ตำแหน่งทั่วไทย สั่ง “พ่อเมือง” กำชับลูกน้องยึดกม. – ธรรมาภิบาล อย่าใช้อารมณ์ความรู้สึกซ้ำรอย “อส.เมืองชลฯ” กระทืบคารพ. ลั่นไม่เคยแอบอ้างตัวเรียกประโยชน์ หากพบฟันทันที วันที่ 29 ส.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) มีการประชุมมอบนโยบายของกระทรวงมหาดไทยแก้ผู้บริหาร และผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม นายนิพนธ์ บุญญามณี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย เข้าร่วมมอบนโยบาย พร้อมด้วยปลัดมท. อธิบดีทุกกรม และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดเข้าร่วมในการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า กรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ที่จ.ชลบุรี ตนเข้าใจว่าเขาทำงานด้วยความตั้งใจ แล้วมีมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามาหา แล้วเขาเข้าไปขวาง ลองนึกว่าถ้าเป็นตัวเองจะเข้าไปเสี่ยงหรือไม่ เท่าที่ติดตามอาการหนักมีผลกระทบต่อสมอง และครอบครัว แล้วผู้ที่ร่วมงานกับเขาก็ไปใช้กำลังกับคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้นต้องยึดหลักธรรมาภิบาลให้ดี เพราะสังคมไม่ต้องการให้ใช้วิจารณญาณ ความรู้สึกตัวเองมาตัดสินแน่นอน ผู้ว่าฯต้องคอยกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่บนหลักนิติธรรมให้ได้ ต้องคอยสอน คอยสั่ง ตนเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ไล่ออกอย่างเดียว อาจจะมีโทษด้วย เพราะเป็นคดีความทำร้ายร่างกาย ครอบครัวก็ได้รับผลกระทบด้วย จะเอาความรู้สึกมาตัดสินไม่ได้ เราต้องทำตามกฎหมายเท่านั้น ผิดจากนี้ไม่ได้ “เขาคงรู้สึกว่าเขาตั้งใจทำงาน แล้วทำไมต้องทำให้เพื่อนเขาต้องบาดเจ็บ ต้องลำบาก เพราะเขาไม่ได้นึกถึงธรรมาภิบาล ถามว่าทำไปแล้ว งานจะเสียหรือไม่ ประชาชนพึงพอใจหรือไม่ ก็ไม่มีซักอย่าง เสียหายหมด บ้านเมืองมันเดินไปอย่างนี้ไม่ได้ ยิ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยิ่งต้องตะหนักในการวางตัว และควบคุมอารมณ์ อย่างเหมาะสม ไม่มีสิทธิ์ใช้กำลังทำร้ายคนอื่น” รมว.มหาดไทย กล่าว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในเรื่องความโปร่งใส สังคมไทยและชาวบ้านยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในความโปร่งใสของข้าราชการโดยรวมทั้งหมด แล้วสะท้อนออกมาจริง เพราะมีคดีมากมาย มีกฎหมายมากมาย ติดขัดไปหมด มีองค์กรอิสระเข้ามาดูแลมากมาย ดังนั้นความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญในการทำงาน ยกตัวอย่างจากที่ตนเคยประสบมา มีคนมาติดต่อแล้วบอกว่าตนให้มาขอ ตนขอประกาศต่อผู้บริหารมท.ทุกคน และผู้ว่าฯ ตนจะไม่สั่งการให้ใครไปขออะไร โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง ยืนยันว่าไม่มีเด็ดขาด ถ้ามีมาแอบอ้างตน แล้วไปร่วมมือกับเขา ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จะไม่มีคนที่ทำงานกับตน ญาติตน ไปยุ่งในเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าวันใดมีเรื่องแล้วกลับมาอ้างว่าเห็นทำงานอยู่กับตนแล้วสั่ง ตนจะถือว่ามีความผิดด้วย ถ้าย้ายหรือแจ้งความดำเนินคดีได้ตนก็จะทำ “จะมาอ้างผมไม่ได้เด็ดขาด จะมาเห็นว่าใครอยู่กับผม หรือว่าอย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นอธิบดี ผู้ว่าฯ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจผมถือว่ามีความผิดด้วย ทำตามอำนาจหน้าที่ให้เรียบร้อย เพราะจะตกเป็นเป้าโจมตีได้ ผมยืนยันว่าไม่มี จะมาอ้างอะไรก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ยืนยันว่าผมไม่มีแอบอ้าง ดังนั้นต้องทำให้โปร่งใส ถ้ามีเหตุแล้วอธิบายไม่ได้ ผมจะจัดการ ครอบครัวผม ตระกูลผมก็ไม่ได้มีญาติเยอะ ไม่เคยมารบกวนอะไรกับท่าน ไม่ว่าที่ผ่านมาในกองทัพบกก็ไม่มี ที่ว่าลูกผมจะไปทำงาน ไม่มี ไม่ต้อง กรรมการ หรือบอร์ดอะไรต่างๆ ไม่มีญาติผมไปเป็นทั้งสิ้น สว.หรือส.ส.ก็ไม่มี ถ้าถามว่าเก่งหรือไม่ ผมว่าญาติพี่น้องผมก็พอใช้ได้ แต่ผมไม่ได้เอาเข้ามายุ่งเกี่ยว” รมว.มหาดไทย กล่าว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการรักษาความสงบเรียบร้อย เรามีกลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตามพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่มาตั้งแต่ปี 2457 ซึ่งตนอยากให้กลไกนี้มีประสิทธิภาพเกิดขึ้น โดนนโยบายต่อจากนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากที่ได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯแล้ว ขณะนี้หลักการออกมาแล้วว่า ว่าจะมีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการปกครองท้องถิ่นจากเดิมในพื้นที่ที่มีการยกฐานะเป็นเทศบาลเมือง เทศบาลนคร จะไม่มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้กลับไปมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้ทั้งหมดทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้นเราจะเร่งให้ “ผมขอฝากให้ผู้ว่าฯไปเรียนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านด้วยว่า เขาให้มีไม่ใช่ให้ตอบสนองผู้ว่าฯ แต่ให้มีเพื่อทำงานให้พื้นที่ ถ้ากลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านไม่เกิดประโยชน์อะไร รัฐบาลต้องเสียเงิน เขาไม่เอาไว้แน่นอน เขาก็จะยุบท่าเดียว ดังนั้นผู้ว่าฯต้องกำชับให้ดี ให้แก้ปัญหาในพื้นที่ให้ได้ โดยเฉพาะยาเสพติด ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนใช้ทฤษฎีเอาคนไปตีกัน มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านบางคนไปสวมเสื้อสีโน้นสีนี้ แล้วเอาคนมาตีกัน มันผิด ต้องเป็นกลาง แล้วสอนคนอย่าให้ตีกัน ผมยืนยันว่าเรากำลังแก้กฎหมาย พูดง่ายๆว่าพอมีท้องถิ่นแล้ว กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็คงอยู่ ก่อนหน้านี้เราหายไป 721 คน เราจะแก้ไขเรื่องนี้” รมว.มหาดไทย กล่าว