ประชุม กบง.30 ส.ค.นี้ทวนนโยบายเปิดให้ กฟผ.นำเข้า LNG หรือไม่ เผยต้องนำเสนอ บอร์ด กพช.กลางเดือน ก.ย.62”รมว.พลังงานย้ำสรุปเร็ว-ไม่เป็นภาระค่าไฟฟ้าให้ชาวบ้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.)จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ส่วนจะหารือเรื่องการทบทวนการนำเข้าก๊าซ LNG โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)หรือไม่เรื่องนี้ไม่ขอเปิดเผย ยืนยันว่าเรื่องนี้จะจบโดยเร็วและคำนึงถึงนโยบายไม่เป็นภาระค่าไฟฟ้าภาคประชาชน และแผนงานที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางจำหน่ายการจำหน่าย LNG ในภูมิภาคนี้ นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการดูข้อมูลความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศและราคาสปอตหรือตลาด LNG ตลาดโลกที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.6 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อล้านบีทียู หากนำเข้าจะเสี่ยงต่อก๊าซสัญญาเก่าเหลือใช้และเกิดปัญหาต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะตัดสินใจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) 31 ก.ค.60 กำหนดให้ กฟผ.นำเข้า LNG เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคากับ ปตท.เพื่อเป็นผลดีต่อผู้ใช้ไฟฟ้า แต่หาก กบง.ไม่เห็นชอบแผนการนำเข้าที่จะต้องนำเข้าล็อตแรกปีนี้ ทางกระทรวงพลังงานมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการ กพช.กลางเดือนก.ย.62เพื่อขอทบทวนมติเดิม โดยข้อมูลที่กระทรวงพลังงานพิจารณาพบว่าสถานการณ์การใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศและราคาโลกเปลี่ยนแปลงไปโดยการนำเข้า LNG ของ กฟผ.หากนำเข้าปี 2562-2564 ในช่วงที่ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยรวมยังไม่มากอาจเกิดกรณี Take-or-Pay และจะกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติในระบบ pool ที่จะปรับขึ้นประมาณ 2 บาทต่อล้านบีทียู และกระทบต่อค่าไฟฟ้าปรับขึ้นประมาณ 2 สตางค์ต่อหน่วย นอกจากนี้ปัจจุบันราคา LNG ตลาดจร (spot) อยู่ที่ 4-5 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู ขณะที่จัดหา LNG ของ กฟผ.ตามสัญญา 8 ปี เป็นสัญญาระยะกลางที่ราคาตลาดทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 8-9 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านทีบียู แม้จะเทียบว่าต่ำกว่าสัญญาระยะยาว ของ ปตท. แต่นับว่าสูงกว่าราคาตลาดจรเกือบเท่าตัว ทำให้เห็นว่ายังไม่น่าจะมีความจำเป็นนำเข้ามาใช้และหากไม่นำเข้ามาใช้ การเรียกก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในประเทศจะเพิ่มขึ้นจะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีและค่าภาคหลวงเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าการนำ LNG เข้ามาใช้น่าจะอยู่ในช่วงปี 2564-2565