วันที่ 24 ส.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากวิจารณ์ในโซเชียลมิเดียอย่างกว้างขวาง จากเหตุที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Tum Natawit" ได้โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถ ขณะขับอยู่บนถนนสายหนึ่ง ซึ่งเป็นถนนแคบ เลนสวน โดยการจราจรค่อนข้างเคลื่อนตัวช้า พร้อมข้อความระบุว่า ขณะขับรถกลับบ้าน มีรถฮอนด้า สีขาว ทะเบียนจังหวัดชลบุรี แซงขวา เข้ามาปาดในแถว ด้วยความโมโห จึงบีบแตร แต่คนขับเก๋งคันดังกล่าว กลับไม่พอใจ พยายามเบรก จนต้องเบรกตาม ก่อนที่คนขับ ซึ่งเป็นชาย จะถือปืนลงมาขู่ที่รถ โดยผู้โพสต์ยังบอกด้วยว่า ต่อไปใครแซงขวาแบบนี้ ก็คงจะให้เข้าดีๆ ไม่อยากเอาชีวิตไปแลก แต่ก็ไม่อยากให้มีคนแบบนี้บนท้องถนนบ้านเรา ฝากเตือนและประชาสัมพันธ์ ถึงการใช้รถใช้ถนนร่วมกันของพี่น้องประชาชน ด้วยการเคารพต่อกฎจราจรและการมีวินัยในการขับขี่ที่ดี หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ ความรุนแรง ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมือง และสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น โดยที่ผ่านมามีตัวอย่างการใช้ความรุนแรงในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ การประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตประจำวัน จึงอยากขอให้หยิบยก นำมาเป็น บทเรียนและอุทาหรณ์ให้แก่ตนเองในการใช้รถใช้ถนน สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนสอบสวน พิสูจน์ทราบ ตัวผู้ที่ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ซึ่งถือว่าเป็น คดีที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วไป สำหรับข้อหาความผิดเบื้องต้น มีความผิดฐาน “ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีและปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควรฯ โทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 10,000 บาท” หากการสอบสวนพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ต้องหาแล้ว มีลักษณะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น โทษปรับ 400-1,000 บาท ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ ความผิดฐาน “ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วน ให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอาชญากรรม ในการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา ทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย โดยเน้นการตรวจค้น จับกุม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อลดอาชญากรรมและป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้น