ตร.น้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง และสาธารณภัยทั่วประเทศ วันที่ 22 สิงหาคม 62 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุม หน่วยขึ้นตรงประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ กองบินตำรวจ และหน่วยสนับสนุนทุกหน่วยเพื่อร่วมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์สาธารณภัยในภาพรวมของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดประกอบด้วย 1. พื้นที่ต้องติดตามสถานการณ์ผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม จำนวน 21 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดทางภาคเหนือและภาคกลาง 2. พื้นที่ต้องติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่, ตาก, น่าน, อุตรดิตถ์ 3. พื้นที่ต้องติดตามสถานการณ์ฝนแล้ง / ฝนทิ้งช่วง จำนวน 13 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ตะวันออกเชียงเหนือและภาคกลาง พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนาย น้อมนำพระราชกระแสรับสั่ง ของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ใจความว่า “...ให้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง การแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ มุ่งเน้นการวางแผนเผชิญเหตุและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอย่างรอบคอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด...” ไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล ยานพาหนะ อุปกรณ์ ทั้งนี้ให้บูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ทหาร และภาคเอกชน ในการเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที พร้อมกำชับสั่งการ โดยให้ตำรวจทุกนาย มุ่งเน้นรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเป็นหลัก ทั้งนี้จะต้องมิให้เกิดอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการซ้ำเติมประชาชนผู้เดือดร้อน เช่น การลักขโมยเครื่องอุปโภคบริโภค หรือการขึ้นราคาค่าสินค้าและบริการเกิดขึ้น หากพบการกระทำความผิดเกิดขึ้น ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ไม่ว่ากรณีใดๆ ในทันที ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจิตอาสาของข้าราชการตำรวจ และอาสาสมัครที่เป็นจิตอาสาเข้าช่วยเหลือการปฏิบัติ “เมื่อเกิดสาธารณภัยขึ้น ตำรวจในฐานะหน่วยงานในพื้นที่ จะต้องเร่งเข้าช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เบื้องต้นให้กับประชาชนในทันที และให้การสนับสนุนทุกหน่วย ทั้งฝ่ายปกครองท้องถิ่น ทหาร หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างเต็มที่ เพื่อให้คลี่คลายสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ หากประชาชนท่านใด ประสงค์จะแจ้งข้อมูลข่าวสาร หรือขอรับความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ สถานีตำรวจ หรือ ที่ทำการของตำรวจทุกแห่งในพื้นที่ และทางหมายเลขโทรศัพท์ สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง