SPCG เปิดผลประกอบการครึ่งปี 62 โกยกำไรสุทธิ 1,520.1 ล. ประกาศแจกปันผลหุ้นละ 0.50 บาท รวม 487 ล้านบาท เผยเมกะโปรเจกต์โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นคืบหน้าตามแผน พร้อมจับมือพันธมิตรลุยธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ อาคาร B กลต. กทม.นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” แถลงผลประกอบการของ SPCG ไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ในงาน “บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day” โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่เอสพีซีจี กล่าวว่า SPCG มีผลประกอบการ งวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ม.ย.62 บริษัทมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 1,520.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 1,517.1 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.2 ส่วนในไตรมาสที่ 2/2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 737.1 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 2,606.8 ล้านบาท ลดลง 15 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมกันนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงาน งวดวันที่ 1 ม.ค. - วันที่ 30 มิ.ย.62 ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท เป็นจำนวนเงิน 487,000,000 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 ก.ย.62 นางวันดี กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทฯยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือ โซลาร์ฟาร์ม ทั้ง 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า260 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มที่เมืองทอตโตะริประเทศญี่ปุ่น ขนาด 30 เมกะวัตต์ รวมไปถึงยอดขายโซลาร์รูฟ จากลูกค้าทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบ้านพักอาศัย, กลุ่มอาคารพาณิชย์ และ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ยังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะเมื่อลูกค้าติดโซลาร์รูฟของบริษัทแล้ว ต่างเห็นผลลัพธ์ที่ดี สามารถลดค่าไฟได้ทันที ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้กิจการของลูกค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 - 4 ของปีนี้จะให้การตอบรับดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สาเหตุหลักเนื่องจากทางบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาดและกลยุทธ์การขาย เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันซึ่งจะมีส่วนในการส่งผลให้ยอดขายในปีนี้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นางวันดี กล่าวต่อว่า ความคืบหน้าของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 469 เมกะวัตต์ ที่เป็นการร่วมทุนของ 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG Pubic Company Limited, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank Limited งบการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารสำคัญต่างๆ และจะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างต่อไป โดยจะมีการแจ้งให้ทราบถึงสัดส่วนในการถือหุ้นเร็วๆนี้ สำหรับความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ที่ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limitedหรือ MUL, บริษัทพีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดหรือ PEA ENCOM และ บริษัท KYOCERA Corporation, Japan หรือ KYOCERA ในวันที่ 22 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมานั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทร่วมกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.ย.62 นี้ โดยตั้งเป้าในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ภายในสิ้นปี 2563 กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์