“เอสซีจี” จับมือ “เคทีซี” นำเสอ บัตรเครดิต “KTC-SCG VISA Purchasing” หนุนช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อย เข้าถึงแหล่งเงินทุน-เพิ่มสภาพคล่อง พร้อมวางเป้าสิ้นปีมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท นายวิโรจน์  รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจจัดจำหน่ายและช่องทางการค้าปลีก บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ในเครือบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) หรือเอสซีจี เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ เคทีซี  ผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ในการนำเสนอบัตรเครดิต “KTC-SCG VISA Purchasing” สำหรับช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยที่ต้องการเสริมสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง ผ่านร้านผู้แทนจำหน่ายของเอสซีจีกว่า 130 ร้านค้าทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ ให้สามารถซื้อสินค้าด้วยวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาทต่อราย พร้อมระยะเวลา ปลอดดอกเบี้ยนานสูงสุด 45 วัน สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากมองว่า การดำเนินธุรกิจของช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในการซื้อวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาสำคัญของกลุ่มช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยส่วนใหญ่ คือการมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมีปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินและร้านวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้ช่างไม่มีเงินทุนที่จะทำงานให้เสร็จ หรือมีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงมากจากการใช้เงินทุนนอกระบบ เป็นต้น               นางจรูญศรี  ศรีสุขสันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจร้านค้า "เคทีซี" ของ KTC กล่าวว่า ปัจจุบันมีช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยสนใจสมัครบัตรเครดิต "KTC-SCG VISA Purchasing" และได้รับการอนุมัติไปแล้วกว่า 1,000 ราย ด้วยวงเงินบัตรเครดิตที่ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้รวมกว่า 150 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้มียอดใช้จ่ายแล้วกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการอนุมัติบัตรส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าถึงบริการทางการเงินในรูปแบบบัตรเครดิตมาก่อน ดังนั้นจึงเชื่อว่าโครงการนี้ได้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและเสริมศักยภาพการรับงานให้แก่ช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อยมากขึ้น อีกทั้งสร้างความน่าเชื่อถือทางการเงินให้กับกลุ่มช่างและผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อย เพื่อใช้เป็นประวัติในการขอสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวม            สำหรับเป้าหมายการใช้จ่ายผ่านบัตรดังกล่าวในปีนี้ คาดว่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และมีจำนวนช่างและผู้รับเหมา ก่อสร้างรายย่อยถือบัตรถึง 1,500 ราย วงเงินเฉลี่ย 500,000บาทต่อราย