วันที่ 20 ส.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ. ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าจากกรณีขบวนรถไฟสายใต้ ขบวนรถธรรมดาที่ 255 (ธนบุรี – หลังสวน) เกิดเหตุตกรางบริเวณหลัก กม. 204/9-10 ระหว่างสถานีห้วยทรายใต้ – หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้ขบวนรถกีดขวางการเดินรถในเส้นทางสายใต้ ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เมื่อวันที่ 19 ส.ค.62 ที่ผ่านมา ว่า วันที่ 20 ส.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนสอบสวนพิสูน์ทราบและขยายผลถึงผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการจับกุมตัว นายสมปอง คล้ายคลึง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นันไป หรือ รับของโจร และทำให้รางรถไฟหรือรางรถรางหลุด หลวงหรือเคลื่อนจากที่” อายุความ 15 ปี ซึ่งนายสมปองฯ ได้นำแผ่นเหล็กและหมุดยึดรางรถไฟมาขายให้ร้านรับซื้อของเก่า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปถึงเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าที่คนร้ายได้นำมาขายให้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดเหล็กของกลาง หมุดยึดกับรางรถไฟจำนวนหลายรายการ และจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่าจากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นนั้น นายสมปองฯ รับว่าตนไม่ได้การวางแผนที่จะก่อวินาศกรรมตามที่มีการชี้นำหรือปรากฎในสื่อสังคมโซเซียลแต่อย่างใด โดยตนได้ก่อเหตุลักเอาแผ่นเหล็กและหมุดยึดรางรถไฟเพื่อจะนำไปจำหน่ายให้กับร้านรับซื้อของเก่าแลกกับเงิน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทื้งไป และจะทำการสืบสวนสอบสวนและขยายผล ตามขั้นตอนของกฎหมาย ขอให้ประชาชนเสพสื่อในโลกโซเชียลมีเดียอย่างมีวิจารณญาญ ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดีเสียก่อน ที่จะทำการโพส แชร์ หรือนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า. ได้กำชับเมื่อเกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดทำการสืบสวนสอบสวน พิสูจน์ทราบถึงผู้กระทำความผิดและติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วนับแต่ทราบเรื่องในวันแรก พร้อมสร้างช่องทางการรับรู้ โดยขอให้เชื่อมั่นการทำงานของของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการบูรณาการกันทำงาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้กับผู้โดยสาร ประชาชน นักท่องเที่ยว นักลุงทุน หากประชาชน มีเหตุร้าย เหตุด่วนหรือข้อมูลเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.