ผัวเมาคลั่งอาละวาดกระหน่ำแทงภรรยาดับ และคว้ามีดพร้าบุกรพ.จะตามซ้ำ ได้จังหวะไล่ฟันตร.ที่เข้าระงับเหตุ ถูกยิงสวนเข้าที่ขาหยุดความบ้าคลั่งจนบาดเจ็บตร.ควบคุมตัวดำเนินคดี
ที่จังหวัดตรัง คืนวันที่ 18 สิงหาคม 2562 พ.ต.ต.วีระชัย หนูชู สวป. สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งขอความช่วยเหลือเกิดเหตุผัวเมาคลั่งกระหน่ำแทงนางวันดี สมบูรณ์ อายุ45ปีบ้านเลขที่ 18 หมู่ 6 ต.ปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้รับบาดเจ็บสาหัสญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลห้วยยอด
โดยที่นายราเชน ขาวนิ่ม อายุ 39 ปี (สามี)มีอาการคลั่งก่อเหตุหลังแทงนางวันดีแล้ววิ่งหนีตำรวจออกจากบ้านเพื่อกลับไปเอารถยนต์กระบะหลบหนีการติดตาม และมุ่งหน้า รพ.ห้วยยอด เข้าใจว่าตำรวจจะต้องช่วยเหลือนางวันดี(ภรรยา)นำตัวส่งรพ.ห้วยยอด ถึงรพ.รีบจอดรถยนต์ และรีบคว้ามีดพร้าบุกเข้าไปบริเวณด้านหน้า รพ.พร้อมกับถามหานางวันดีอยู่ห้องไหน และพยายามจะถือมีดพร้าผลักประตูห้องฉุกเฉินทำชาวบ้านรวมทั้งหมอ พยาบาลตกใจวิ่งหนีกระเจิง
จนรปภ.และเจ้าหน้าที่รพ.เจ้าหน้าที่กู้ภัย และตำรวจเกลี้ยกล่อม แต่นายราเชนไม่ยอมสงบพยายามจะตามหานางวันดีให้ได้ พร้อมกับใช้มีดพร้าจะฟันเจ้าหน้าที่ศูนย์เปลที่เข้ามาขัดขวาง โดยฟันถูกเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ศูนย์เปล จนเป็นรอยมีดพร้าไปหลายครั้ง
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไประงับเหตุกลัวคนร้ายจะจับชาวบ้านหรือพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่รพ.เป็นตัวประกัน ซึ่งกลัวเหตุการณ์จะบานปลาย จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืน ขนาด 11 มม.ยิงไปที่ขาขวาจนทรุดลง จึงสามารถหยุดความบ้าคลั่งและจับกุมตัวไว้ได้ ต่อมาทราบว่านางวันดี ที่ถูกนายราเชน(สามี)ที่มีอาการคลั่งแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าบริเวณหน้าอก 3 แผล และขาขวา1แผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางสาววิยดา เห็นผลงาม อายุ 31 ปี พี่สะไภ้ผู้ตาย กล่าวว่า นายราเชนมีอาชีพรับจ้างเดินสายไฟ เลิกรากับนางวันดีมาประมาณ 1-2ปี แล้ว โดยมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 10 ปี ช่วงเกิดเหตุได้เมาเข้าไปหาน้องสาวที่บ้านแม่ยาย ซึ่งอยู่กันประมาณ 4 คน เพื่อจะขอคืนดี เนื่องจากในระยะ 3-4 วันนี้ นายราเชนเมาเข้าไปหาและทำร้ายร่างกายน้องสาวทุกครั้ง จนญาติๆให้น้องสาว พร้อมลูกสาวที่เกิดกับนายราเชนไปนอนบ้านแม่ เพราะกลัวนายราเชนจะเข้าไปทำร้ายอีก และก็เมาเข้าไปจริงและหาเรื่องทะเลาะ จนใช้มีดจ้วงแทงน้องสาวล้มลง โดยแม่ตะโกนเรียกให้ญาติที่บ้านอยู่ใกล้กันมาช่วย ตนเองก็รีบวิ่งไปดู พบนายราเชนแทงน้องสาวนอนนิ่งกับพื้น และขึ้นนั่งคร่อมบีบคอน้องสาว ตนเองจึงยกมือไหว้ขอร้องให้เห็นแก่ลูก และญาติโทรแจ้งตำรวจ นายราเชนจึงได้วิ่งหนีไป และพบว่าตามมาอาละวาดจะทำร้ายน้องสาวที่รพ.อีก จนตำรวจจับได้
ด้าน พ.ต.อ.ประดิษฐ์ ชัยพล ผู้กำกับการตำรวจภูธรห้วยยอด กล่าวว่า จากการซักถามผู้ต้องหา ได้พูดมีสติดีทุกอย่าง ผู้ต้องหาก็ยอมรับว่า ได้ถือมีพร้ามาที่โรงพยาบาลห้วยยอดจริง เพื่อจะมีดูอาการของภรรยา แต่พอมาถึงที่โรงพยาบาลก็ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ ผู้ต้องหาก็เชื่อว่าภรรยาเจ็บหนักและเสียชีวิต ผู้ต้องก็หาจงใจถืออาวุธมีพร้าที่ถือมา จงใจที่จะฟันตำรวจเพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยิง เพื่อจะตายตาม เพราะผู้ต้องหาถามตำรวจว่า ทำไมไม่ยิงให้ถูกหัวจะได้ตาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระงับเหตุยิงไปแค่ยับยั้งไปที่ต้นขา ทั้งที่มีโอกาสที่จะเลือกยิงได้เพื่อระงับเหตุ เพื่อไม่เข้ามาก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้ทางผู้ต้องหาได้ปฏิเสธการรักษาทุกอย่าง ปฏิเสธให้น้ำเกลือ และอยู่ระหว่างการตรวจเลือด เป็นเหตุผลส่วนตัวของผู้ต้องหา อาจจะอยากตายตามภรรยา
ข้อหาเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำบันทึกจับกุม โดยเตรียมตั้ง 3 ข้อ ประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่น คือฆ่าภรรยา และพยามฆ่าเจ้าพนักงาน ขณะทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ คือ สวป.ที่เข้ามาระงับเหตุ และข้อหาบุกรุกที่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 6 ต.ปากแจ่ม ขณะเข้าไปทำร้ายภรรยา และในส่วนของโรงพยาบาลว่าจะถูกตั้งข้อหาบุกรุกด้วยหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างสอบสวน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่เปิด จะต้องดูว่าทางโรงพยาบาลจะว่าอย่างไร ส่วนการควบตัวผู้ต้องหาได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากช่วงนี้สภาพจิตไม่เหมือนคนปกติ เชื่อว่าผู้ต้องหากำลังจะทำร้ายตัวเอง และโดยปกติก็มีการจัดกำลังไปเฝ้าไปควบคุมที่รพ.ตรังอยู่แ
จนรปภ.และเจ้าหน้าที่รพ.เจ้าหน้าที่กู้ภัย และตำรวจเกลี้ยกล่อม แต่นายราเชนไม่ยอมสงบพยายามจะตามหานางวันดีให้ได้ พร้อมกับใช้มีดพร้าจะฟันเจ้าหน้าที่ศูนย์เปลที่เข้ามาขัดขวาง โดยฟันถูกเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ศูนย์เปล จนเป็นรอยมีดพร้าไปหลายครั้ง
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไประงับเหตุกลัวคนร้ายจะจับชาวบ้านหรือพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่รพ.เป็นตัวประกัน ซึ่งกลัวเหตุการณ์จะบานปลาย จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืน ขนาด 11 มม.ยิงไปที่ขาขวาจนทรุดลง จึงสามารถหยุดความบ้าคลั่งและจับกุมตัวไว้ได้ ต่อมาทราบว่านางวันดี ที่ถูกนายราเชน(สามี)ที่มีอาการคลั่งแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าบริเวณหน้าอก 3 แผล และขาขวา1แผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางสาววิยดา เห็นผลงาม อายุ 31 ปี พี่สะไภ้ผู้ตาย กล่าวว่า นายราเชนมีอาชีพรับจ้างเดินสายไฟ เลิกรากับนางวันดีมาประมาณ 1-2ปี แล้ว โดยมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 10 ปี ช่วงเกิดเหตุได้เมาเข้าไปหาน้องสาวที่บ้านแม่ยาย ซึ่งอยู่กันประมาณ 4 คน เพื่อจะขอคืนดี เนื่องจากในระยะ 3-4 วันนี้ นายราเชนเมาเข้าไปหาและทำร้ายร่างกายน้องสาวทุกครั้ง จนญาติๆให้น้องสาว พร้อมลูกสาวที่เกิดกับนายราเชนไปนอนบ้านแม่ เพราะกลัวนายราเชนจะเข้าไปทำร้ายอีก และก็เมาเข้าไปจริงและหาเรื่องทะเลาะ จนใช้มีดจ้วงแทงน้องสาวล้มลง โดยแม่ตะโกนเรียกให้ญาติที่บ้านอยู่ใกล้กันมาช่วย ตนเองก็รีบวิ่งไปดู พบนายราเชนแทงน้องสาวนอนนิ่งกับพื้น และขึ้นนั่งคร่อมบีบคอน้องสาว ตนเองจึงยกมือไหว้ขอร้องให้เห็นแก่ลูก และญาติโทรแจ้งตำรวจ นายราเชนจึงได้วิ่งหนีไป และพบว่าตามมาอาละวาดจะทำร้ายน้องสาวที่รพ.อีก จนตำรวจจับได้
ด้าน พ.ต.อ.ประดิษฐ์ ชัยพล ผู้กำกับการตำรวจภูธรห้วยยอด กล่าวว่า จากการซักถามผู้ต้องหา ได้พูดมีสติดีทุกอย่าง ผู้ต้องหาก็ยอมรับว่า ได้ถือมีพร้ามาที่โรงพยาบาลห้วยยอดจริง เพื่อจะมีดูอาการของภรรยา แต่พอมาถึงที่โรงพยาบาลก็ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ ผู้ต้องหาก็เชื่อว่าภรรยาเจ็บหนักและเสียชีวิต ผู้ต้องก็หาจงใจถืออาวุธมีพร้าที่ถือมา จงใจที่จะฟันตำรวจเพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยิง เพื่อจะตายตาม เพราะผู้ต้องหาถามตำรวจว่า ทำไมไม่ยิงให้ถูกหัวจะได้ตาย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ระงับเหตุยิงไปแค่ยับยั้งไปที่ต้นขา ทั้งที่มีโอกาสที่จะเลือกยิงได้เพื่อระงับเหตุ เพื่อไม่เข้ามาก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้ทางผู้ต้องหาได้ปฏิเสธการรักษาทุกอย่าง ปฏิเสธให้น้ำเกลือ และอยู่ระหว่างการตรวจเลือด เป็นเหตุผลส่วนตัวของผู้ต้องหา อาจจะอยากตายตามภรรยา
ข้อหาเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำบันทึกจับกุม โดยเตรียมตั้ง 3 ข้อ ประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่น คือฆ่าภรรยา และพยามฆ่าเจ้าพนักงาน ขณะทำหน้าที่เข้าระงับเหตุ คือ สวป.ที่เข้ามาระงับเหตุ และข้อหาบุกรุกที่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 6 ต.ปากแจ่ม ขณะเข้าไปทำร้ายภรรยา และในส่วนของโรงพยาบาลว่าจะถูกตั้งข้อหาบุกรุกด้วยหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างสอบสวน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่เปิด จะต้องดูว่าทางโรงพยาบาลจะว่าอย่างไร ส่วนการควบตัวผู้ต้องหาได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากช่วงนี้สภาพจิตไม่เหมือนคนปกติ เชื่อว่าผู้ต้องหากำลังจะทำร้ายตัวเอง และโดยปกติก็มีการจัดกำลังไปเฝ้าไปควบคุมที่รพ.ตรังอยู่แ