นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กเรื่อง'อีอีซีกำลังจะทำลายพื้นที่ผลิตอาหารทะเลหลัก' ความว่า....
“อีอีซีกำลังจะทำลายพื้นที่ผลิตอาหารทะเลหลัก” สภาที่๓ สัญจร ได้ตรวจสอบพื้นที่รอยต่อระหว่างฉะเชิงเทราและชลบุรี พบว่าโครงการอีอีซีกำลังจะทำลายพื้นที่ผลิตอาหารทะเลหลักของประเทศ พื้นที่ชุ่มน้ำตรงนี้มีคุณสมบัติพิเศษ เป็นบริเวณที่ลุ่ม น้ำเค็มสามารถเข้าถึงในบางเวลา จึงเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตว์น้ำโดยธรรมชาติ โดยลูกปลา ปู และกุ้ง จะเข้ามาในพื้นที่ตามจังหวะน้ำทะเล และจะเติบโตในพื้นที่ ขับรถผ่านไปจะเห็นบ่อปลาเต็มไปหมด ภูมิปัญญาชาวบ้านใช้ประโยชน์จากสภาพธรรมชาตินี้มานานแล้ว จนขณะนี้ พื้นที่นี้ เป็นแหล่งผลิตพันธุ์อาหารทะเลใหญ่ป้อนทั้งแก่คนไทย และส่งออก ข้อมูลจากพื้นที่ * 60% ของกุ้งที่ส่งออกสู่ตลาดโลกมาจากประเทศไทย และ 50% ของกุ้งไทยเป็นลูกพันธ์กุ้งจากบางปะกงและบ้านโพธิ์ * 50% ของปลาน้ำจืดที่เพาะเลี้ยงในประเทศไทยมาจากแหล่งนี้ * ลูกปลากระพง 1,000 ล้านตัว/ปี * ลูกพันธ์ปลานิล 2,000 ล้านตัว/ปี * เป็นแหล่งปลาสลิดแหล่งใหญ่สุดท้าย 500 ตัน/ปี แต่ขณะนี้ อีอีซี กำลังจะทำลายแหล่งผลิตอาหารอันอุดมสมบูรณ์นี้อย่างน่าเสียดาย ผมเองสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ต้องไม่ทำลายเกษตรกรรม ที่ตั้งแหล่งอุตสาหกรรมนั้น อยู่ห่างทะเลไปหน่อยก็ได้ แต่แหล่งผลิตอาหารทะเล ถอยห่างจากทะเลไม่ได้ ประเทศส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้ที่ตั้งอุตสาหกรรมก่อความเสี่ยงต่อแหล่งผลิตอาหารอย่างเด็ดขาด โครงการ อีอีซี ที่ปล่อยให้มีการรุกล้ำพื้นที่นี้ เป็นการเอื้อประโยชน์แก่นายทุน แต่รังแกชาวบ้านที่อาศัยวิถีชีวิตเช่นนี้มาหลายชั่วคน ต่อไป เมื่อชาวบ้านไม่สามารถเพาะพันธุ์สัตว์น้ำได้ ธุรกิจนี้ก็จะตกไปอยู่ในมือของนายทุนด้านการเกษตรขนาดใหญ่อย่างสิ้นเชิง ผู้ที่สามารถคานอำนาจนายทุนเหล่านี้ ก็คือชาวบ้านในพื้นที่ชุ่มน้ำตรงนี้ แต่อนาคตของเขากำลังจะมืดลงเพราะ อีอีซี ผู้ที่สร้างปัญหาในเรื่องนี้คือหัวหน้า คสช. คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๔๗/๒๕๖๐ เรื่อง ข้อกําหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก “ข้อ ๔ ในระหว่างการจัดทําแผนผังตามข้อ ๓ (๑) มิให้นํากฎหมายว่าด้วยการผังเมืองมาใช้บังคับแก่การจัดทําแผนผังน้ัน (๒) คณะกรรมการนโยบายจะมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามนโยบายและแผนตามข้อ ๒ ในเรื่องใดไปพลางก่อนก็ได้” คำสั่งนี้ ระงับกระบวนการจัดทำผังเมืองปกติ ระงับการปรึกษาหารือหลายฝ่าย และระงับบทบาทของพลเมืองและชาวบ้านไปโดยสิ้นเชิง ผู้ที่อ่านมาถึงจุดนี้ อาจจะพากันตั้งคำถามว่า อย่างนี้เขาเรียกว่า ‘รัฐบาลไม่ได้เอื้อคนรวย - เราดึงเขามาช่วยคนจน’ หรือเรียกว่า ‘ทุจริตเชิงนโยบาย’ กันแน่? คำตอบต้องพิจารณาประเด็นอื่นประกอบกัน ซึ่งจะบรรยายในบทความต่อไป