ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ภาคเช้าวันนี้(15 ส.ค.62)ดัชนีปิดอยู่ที่ระดับ 1,599.42 จุด ลดลง 20.03 จุด (-1.24%) มูลค่าการซื้อขาย 59,220.53 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,606.85 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,590.55 จุด นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่มีความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงไปกว่า 800 จุดเมื่อคืนนี้จากภาวะตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิด inverted yield curve หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น อายุ 2 ปีสูงกว่าพันธบัตร 10 ปี ซึ่งตลาดมองว่าเป็นสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงหันไปซื้อพันธบัตรระยะยาวมาเก็บไว้ทำให้อัตราผลตอบแทนต่ำลง นอกจากนี้ภายในประเทศยังถูกกระทบจากภาพรวมกำไรของ บจ.ในไตรมาส 2/62 ที่ออกมาเบื้องต้นลดลง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 16.6% จากไตรมาสก่อน ทำให้นักลงทุนประเมินว่ามีโอกาสจะถูกปรับลดลงประมาณการกำไรบจ.ในปีนี้ลงและอาจปรับลดเป้าดัชนีตลาดในระยะต่อไป รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลงไปกว่า 3% เมื่อคืนนี้ยังกดดันต่อลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีด้วย นอกเหนือจากแรงขายที่มีออกมาในหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ โดยภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงขายต่อเนื่อง หลังจากเข้าซื้อมาในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.รวมประมาณ 7.4 หมื่นล้านบาท และตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.จนถึงปัจจุบันขายไปแล้วราว 2.3 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์เงินไหลออกทั่วภูมิภาคเอเชีย จากความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่ดี ขณะที่สงครามการค้าและสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกงก็จะกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวด้วย ส่วนการซื้อขายช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวลดช่วงลบลง และกลับมายืนเหนือ 1,600 จุดได้ในช่วงปิดตลาด จากแรงเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ นับว่าเป็นปัจจัยบวก และหากออกมาเป็นตามที่มีข่าวก็อาจจะเป็นผลดีในหุ้นกลุ่มค้าปลีก โรงแรม ท่องเที่ยว รวมถึงอาจจะมีแรงซื้อกลับของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาช่วยประคองดัชนี โดยมองแนวรับที่ 1,580 จุด และแนวต้านที่ 1,620 จุด สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,671.28 ล้านบาท ปิดที่ 81.75 บาท ลดลง 1.75 บาท,SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,102.37 ล้านบาท ปิดที่120.50 บาท ลดลง 3.00 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,928.45 ล้านบาท ปิดที่156.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท, INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,913.71 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท ลดลง 3.75 บาท,PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,677.47 ล้านบาท ปิดที่ 42.50 บาท ลดลง 0.75 บาท