เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 พันเอก ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน และร่วมประชุมติดตามมาตรการการควบคุมการผ่านเข้า - ออกตามแนวชายแดนไทย - มาเลเซีย บริเวณด่านศุลกากรสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา และด่านศุลกากรสุไหงโก - ลก อ.สุไหงโก - ลก จ.นราธิวาส โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน
โดย พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวว่า การตรวจด่านชายแดนในครั้งนี้ มีความตั้งใจจริงที่ต้องการแก้ไขปัญหาความมั่นคง และเสริมประสิทธิภาพการจัดระเบียบชายแดน เพื่อสกัดกั้นการขนย้ายยาเสพติด สินค้าหนีภาษี และสิ้นค้าเกษตรที่รัฐควบคุม 23 รายการ โดยเฉพาะการตรวจสอบบุคคลและวัตถุระเบิดที่นำมาก่อเหตุรุนแรงโดยใช้ช่องทาง เข้า - ออก ตามแนวชายแดนที่ผ่านมาตรวจพบว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้ผ่าน เข้า - ออก ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เข้ามาก่อเหตุ ในกรุงเทพมหานคร ในห้วงที่ผ่านมา โดยกล้อง CCTV ได้ตรวจจับได้อย่างชัดเจน สำหรับมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดน ณ ขณะนี้ หน่วยได้ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นชายแดนโดยการบูรณาการทั้งกำลังและเครื่องมือเฝ้าตรวจ ตลอดจนควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดน
ทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานข่าวตามแนวชายแดน พร้อมใช้กำลังเชิงรุก ควบคุมป้องกัน ลาดตระเวน และซุ่มเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อควบคุมพื้นที่ช่องทางท่าข้าม และควบคุมบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก ตลอดแนวชายแดน โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายกับช่องทางและท่าข้ามที่ผิดกฎหมายจำนวนกว่า 94.ช่องทาง อีกทั้งยังตั้งด่านซ้อนด่าน บนเส้นทางตอนใน เพื่อป้องกันและตรวจสอบบุคคลโดยทุกคน
ที่เข้า - ออกผ่านด่านชายแดนจะต้องผ่านการตรวจอย่างละเอียด ผ่านเครื่องตรวจ Walk Through โดยได้จัดกำลังทหารพรานหญิงมาช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจค้นสัมภาระต่างๆ และในอนาคตมีแผนที่จะนำเครื่องสแกนลายนิ้วมือตรวจสอบบุคคลทุกด่านทุกจุด มาใช้ให้ครอบคลุมทุกด่านในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4.ได้สั่งการเน้นย้ำในการตรวจตามแนวชายแดนจะต้องตรวจดูแลอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจะต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการเพิ่มความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทุกหน่วยจะต้องบูรณการการปฏิบัติงานร่วมกัน โดยขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และขออภัยในความไม่สะดวก ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในประเทศ