อนาคตใหม่ แนะรัฐ 3 ข้อ สางปมแก้ปัญหาพิพาทสวนป่าคอนสารทับที่ทำกิน ชี้ต้องใช้มาตราการทางนโยบายควบคู่ก.ม. เผย 17 ส.ค.นี้ "ปิยบุตร-พิธา" เตรียมลงพื้นที่เยี่ยมจำเลย-รับฟังปัญหา เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่รัฐสภา เกียกกาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร และนายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงกรณีพิพาทสวนป่าคอนสารทับที่ทำกินราษฎร ตำบลทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ประชาชน ถูกขับไล่ออกจากที่ดินทำกิน นายพิธา กล่าวว่า จากที่พรรคอนาคตใหม่ ได้รับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน ถูกขับไล่ออกจากที่ดินทำกิน โดนเจ้าพนักงานบังคับคดี และโจทย์ได้เข้าปิดหมายบังคับคดี เมื่อวันที่ 26 ก.คที่ผ่านมา มีผลให้ชุมชนบ่อแก้ว ตำบลทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ต้องออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 27 ส.ค.62 หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทสวนป่าคอนสาร ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เป็นเรื่องพิพาทที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลานานกว่า 41 ปี นับตั้งแต่การเข้ามาปลูกสร้างสวนป่า ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ในปี พ.ศ. 2521 เป็นต้นมา พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน นายพิธา กล่าวว่า จากการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าชาวบ้านได้อาศัยทำกินตั้งแต่ปี พ.ศ.2496 เป็นต้นมา โดยมีหลักฐาน เช่น ใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ และร่องรอยการทำประโยชน์ ต่อมาปี พ.ศ.2516 รัฐได้ประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ทั้งนี้ ได้มีการปิดประกาศเพื่อให้ราษฎรที่อาศัยทำประโยชน์ในพื้นที่ได้แจ้งการครอบครอง กระทั่งในปี 2547 มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในระดับพื้นที่ ผลการตรวจสอบพบว่าสวนป่าคอนสารได้ปลูกสร้างทับที่ทำกินของราษฎรจริง จึงให้ยกเลิกสวนป่าคอนสาร แล้วนำที่ดินมาจัดสรรให้กับราษฎรผู้เดือดร้อน จำนวน 277 ราย อย่างไรก็ตามถึงแม้นว่าผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเป็นที่ยุติว่า ราษฎรได้ถือครองทำประโยชน์มาก่อนสวนป่าคอนสาร แต่ยังไม่มีการพิจารณาตัดสินใจทางนโยบาย และไม่มีการดำเนินการใดๆ ในทางปฏิบัติ ทำให้ชาวบ้านได้เข้าพื้นที่เมื่อวันที่ 17 ก.ค.นี้ และนำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในชั้นการบังคับคดี นายพิธา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น กรณีอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ชาวบ้านถูกฟ้องดำเนินคดีทั้งสิ้น 14 ราย 19 คดี เพียงเพราะความล่าช้าในการตัดสินใจทางนโยบาย กรณีชาวบ้านคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร อุทยานแห่งชาติภูเก้า ภูพานคำ จ.หนองบัวลำภู อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี ที่ถูกคุกคามสิทธิ์ โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริงการถือครองทำประโยชน์มาก่อนของประชาชน “ทางพรรคอนาคตใหม่เห็นว่า การแก้ไขปัญหา โดยใช้มาตรการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว โดยไม่ใช้มาตรการทางนโยบายควบคู่ จะทำให้เกิดปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด มีการละเมิดสิทธิทำกินประชาชน ดังนั้นจึงมีข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาดังนี้ 1.ในกรณีชุมชนบ่อแก้วรัฐบาลไม่ควรใช้มาตรการทางกฎหมายกับชาวบ้านควรจะใช้มาตรการทางนโยบายในการแก้ไขปัญหาเป็นหลัก 2.ให้คณะรัฐมนตรีสั่งการเพื่อชะลอบังคับคดีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน 3.ให้คณะรัฐมนตรีเร่งพิจารณาเห็นชอบแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนโดยชุมชน ทั้งนี้ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ ผม และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะได้ลงพื้นที่ชุมชนบ่อแก้ว เพื่อไปเยี่ยมจำเลยทั้ง 31 รายและรับฟังและติดตามปัญหาอีกครั้ง”นายพิธา กล่าว