ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.ค.62 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มาอยู่ที่ระดับ 46.7 ตัวเลขต่ำสุดในรอบ 18 เดือนจากปัญหาสงครามการค้าแนวโน้มรุนแรง-ส่งออกมองไม่เห็นอนาคต-บาทแข็ง-ภัยแล้ง ฝากรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาด่วน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนกรกฎาคม 2562 พบว่า จากกลุ่มตัวอย่างประธานหอการค้าและภาคธุรกิจทั่วประเทศ 369 ตัวอย่าง มีความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าระดับโลกระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการส่งออก ขณะเดียวกันสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร ทำให้เกิดความเสียหาย และการส่งออกของเมืองไทยเดือนมิ.ย.62 และในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นยังคงมีผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนก.ค.62 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 มาอยู่ที่ระดับ 46.7 จากระดับ 47.1 ในเดือนมิ.ย.62โดยเป็นดัชนีที่ต่ำสุดติดต่อกันในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนมี.ค.62 และเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 18 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.พ.61 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในอนาคตปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.2 จากระดับ 48.7 ในเดือนมิ.ย.62 โดยจากดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางหอการค้าไทยต้องการให้ภาครัฐดูแลปัญหาเรื่องค่าเงินบาทในปัจจุบันที่เริ่มมีทิศทางอ่อนค่าลงให้อ่อนค่าอย่างมีเสถียรภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ และไม่ควรให้แข็งค่ามากกว่าประเทศในภูมิภาคอย่างเช่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ต้องการให้พัฒนาเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมกับแก้ไขปัญหาต้นทุนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงให้มีการปรับตัวลดลงอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมกับออกมาตรการและวางแผนเฝ้าระวังเพื่อแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติทุกช่วงฤดูกาลอย่างจริงจัง ทั้งปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ไฟป่า รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนซื้อสินค้าและท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อกระจายเม็ดเงินให้ได้อย่างทั่วถึงและมีการออกนโยบายที่จะสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้น ดังนั้น แม้ยังมีหลายปัจจัยที่ยังเป็นปัญหามาก ส่วนสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองถึงขั้นปิดสนามบินฮ่องกงช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเท่าที่ได้ติดตามในช่วงเช้าวันนี้เริ่มคลี่คลายลงไปบ้าง ซึ่งผลกระทบน่าจะอยู่ที่ด้านการท่องเที่ยวเข้าและออกในประเทศฮ่องกง แต่ด้วยภาคธุรกิจโดยรวมของฮ่องกงจะเน้นด้านขนส่งผ่านทางเรือเป็นหลักและไม่ได้มีการปิดท่าเรือ จึงต้องติดตามต่อไปว่าปัญหาเหล่านี้จะจบอย่างไร แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบด้านการค้าของโลกและของไทยแต่อย่างใด