ด้วยผลงานยอดเยี่ยม ส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็กในพื้นที่สูง ให้หันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ กระตุ้นพัฒนาการเด็กให้สมวัยด้วยการคิดค้นนวัตกรรมในท้องถิ่น ใช้ใจแลกใจทำงาน นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กล่าวว่า อสม. ถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนกลไกการทำงานด้านสุขภาพร่วมกับเครือข่ายสุขภาพในทุกระบบ จัดการสุขภาพตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงสูงอายุ โดยใช้บริบทของพื้นที่เป็นพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี พึ่งตนเองได้ และสามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพได้อย่างแท้จริง รวมทั้งได้รับข้อมูลข่าวสารความรู้ด้านสุขภาพ ที่ถูกต้อง เหมาะสม และทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ กรม สบส. ได้มอบรางวัล อสม. ดีเด่น ระดับชาติ ประจำปี 2562 สาขานมแม่ และอนามัยแม่และเด็ก แก่ นางจรรยา คำดี ซึ่งเป็น อสม. ชาวเขาชนเผ่าอาข่าคนแรกของประเทศ ดำเนินงานในพื้นที่สูง บ้านป่าดู่ หมู่ 13 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย มีประชากรทั้งหมด 511 คน ส่วนใหญ่เป็นเผ่าอาข่าและชนเผ่าพื้นเมืองมีอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน มีข้อจำกัดด้านภาษาทำให้สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ โดยจะเป็นสื่อกลางด้านภาษาและการดำเนินงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ คัดกรองหญิงตั้งครรภ์รายใหม่ให้ฝากครรภ์ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ที่ขาดความรู้ในการปฏิบัติตน กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง ส่งผลให้เด็กที่เกิดมามีพัฒนาการล่าช้ากว่าปกติ และแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงติดตามเยี่ยมเด็กที่เกิดใหม่ทุกคน ค้นหาเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าให้ได้เร็วที่สุด หากพบจะแนะนำให้พ่อแม่กระตุ้นพัฒนาการลูกและส่งต่อให้สถานบริการให้เป็นไปตามวัย ทั้งนี้ อสม. จรรยา ยังเป็นต้นแบบการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะเชื่อว่าทำให้เกิดความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูก และน้ำนมแม่มีประโยชน์ สามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้ นอกจากนี้ อสม. จรรยา ยังคิดค้นนวัตกรรมกระตุ้นพัฒนาการเด็กเล็กด้านสมอง ให้เกิดการเรียนรู้ โดยนำวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ลูกสะบ้า และของเล่นที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาปรับใช้ ฝึกเด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อและประสาทสัมผัส ทำให้เด็กมีความสุขและได้เรียนรู้จากการเล่น เพราะเชื่อว่าของเล่นไม่จำเป็นต้องราคาแพง ก็สามารถทำให้เด็กได้เรียนรู้ และมีพัฒนาการที่ดีได้ อีกทั้งยังได้ดำเนินกิจกรรมปันรักไข่ 1 ฟอง นม 1กล่อง โดยเปลี่ยนวิธีการขอรับบริจาคเงินเป็นขยะรีไซเคิลแทน โดยนำขยะที่ได้รับบริจาคไปขาย และนำเงินที่ได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เป็นเงินทุนซื้อของเก่าครั้งต่อไป และอีกส่วนหนึ่งนำไปซื้อไข่และนมมาให้เด็กเล็กที่มีอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี หญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ป่วย และผู้พิการในชุมชน ซึ่งทำเป็นประจำทุกเดือน ทั้งเป็นการลดขยะในชุนชน และส่งเสริมให้เด็กได้รับคุณค่าทางอาหารอีกด้วย