สมอ.จับตาสถานการณ์เทรดวอร์ใกล้ชิด ห่วงกระทบการค้าไทย เตรียมมาตรการรับมือสินค้าไม่ได้มาตรฐานเช่นเหล็ก-เครื่องใช้ไฟฟ้า-ของเล่นทะลักเข้าไทย เสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.เตรียมมาตรการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่คาดว่าจะ ยืดเยื้อยาวนาน และจะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศในอาเซียนที่ได้รับผลกระทบจากการทะลักของสินค้าจากจีนเข้ามาในประเทศไทยและอาเซียนเช่น สินค้ากลุ่มเหล็ก กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และของเล่น ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้ามาตรฐานบังคับที่ สมอ.ควบคุม และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคได้ ทั้งนี้ สมอ.ในฐานะหน่วยงานมาตรฐานแห่งชาติ ได้เตรียมการรับมือต่อผลกระทบดังกล่าวไว้แล้ว โดยเฝ้าจับตาการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างใกล้ชิดผ่านระบบ National Single Window (NSW) หากพบสินค้าชนิดใดมีการนำเข้าในปริมาณมากผิดปกติจะเข้าทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทันที ส่วนในกรณีสินค้านั้นยังไม่ได้มีการกำหนดให้เป็นสินค้าบังคับ หากประเมินแล้วว่าจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศจะใช้กลไกของ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ได้มีการแก้ไขใหม่แล้ว ประกาศให้สินค้านั้นเป็นสินค้ามาตรฐานบังคับที่ต้องถูกควบคุมทันที อีกทั้งจะเร่งกำหนดมาตรฐานกับสินค้าที่ยังไม่มีการกำหนดเป็นมาตรฐาน หากมีความจำเป็น สมอ.อาจใช้ข้อกำหนดหรือใช้มาตรฐานที่สากลมีอยู่แล้ว มาประกาศใช้เป็นมาตรฐานได้เลย โดย สมอ.จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและรับรองสินค้าที่มีผลกระทบดังกล่าว โดยจะทำการตรวจโรงงานที่เป็นแหล่งผลิตถี่มากยิ่งขึ้นและเข้มงวดขึ้น รวมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวของนักลงทุนจากจีนที่มาลงทุนทำสินค้าในประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียน และติดตามความเคลื่อนไหวของสินค้านั้นอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยจะเชิญชวนนักลงทุนจากจีนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น สำหรับในเวทีอาเซียนในฐานะที่ปีนี้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนและ สมอ.เป็นผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐาน และคุณภาพของอาเซียน (ASEAN Consultative Committee for Standards and Quality–ACCSQ)จะหยิบยกผลกระทบดังกล่าวหารือในการประชุม ACCSQ ที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย.62 “ภารกิจสำคัญของ สมอ.คือ การคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ สมอ.จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักและรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน โดยเฉพาะมาตรฐานของกลุ่มสินค้าที่มีผลกระทบดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สินค้าได้อย่างปลอดภัย”