วิริยะประกันภัยปรับกระบวนยุทธ เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งช่องทางขายผ่านตัวแทน ทั้งยกระดับมาตรฐาน กระชับความสัมพันธ์ และเพิ่มตัวแทนใหม่ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้คุณภาพการบริการประกันภัย เผยในระยะแรกมีพื้นที่เป้าหมายแจ้งเกิดตัวแทนใหม่ใน 13 จังหวัด ส่วนแผนพัฒนาตัวแทนเก่ามุ่งเน้นยกระดับเป็นสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่พรั่งพร้อมเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการจัดการงานบริการผู้เอาประกันภัยในพื้นที่ ทั้งก่อนการขายและหลังการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม และแตกต่างกว่าสำนักงานตัวแทนประกันวินาศภัยอื่นๆ ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมาย มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 19,218 ล้านบาทเติบโตกว่า 3% นายดลเดช สัจจวีระกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนากระบวนงานต่างๆ ให้ก้าวทันไปกับเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอกย้ำความเป็น”ผู้นำคุณภาพบริการประกันภัย” และหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนก็คือตัวแทนประกันวินาศภัยของบริษัทฯ ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่า 4,000 คน และมีสำนักงานตัวแทนกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วไทยอีก 300 กว่าแห่ง และได้รับการยอมว่าเป็นตัวแทนมืออาชีพ มีความรอบรู้ด้านประกันภัย ดังเห็นได้จากการได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดระดับชาติ “รางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น” ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งตัวแทนบริษัทฯสามารถคว้ารางวัลเกียรติยศนี้มาครอบครองทุกๆปีอย่างต่อเนื่อง “แม้ว่ามาตรฐานตัวแทนประกันวินาศภัยของบริษัทจะได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน แต่กระนั้นบริษัทยังไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาศักยภาพตัวแทนของบริษัทฯ ให้มีมาตรฐานการทำงานสูงขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในยุคดิจิตอลที่สังคมเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ก่อให้เกิดคำถามว่าวิชาชีพตัวแทนประกันวินาศภัยจะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายในอุตสาหกรรมประกันภัยยิ่งนัก แต่สำหรับบริษัทฯ เป็นโจทย์ที่บริษัทมีคำตอบอยู่แล้ว และเป็นคำตอบที่ได้มาจากประสบการณ์ในการให้บริการประกันภัยมากกว่า 72 ปีว่า วิชาชีพตัวแทนยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัย และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงมิได้เป็นปัญหากับตัวแทน แต่กลับเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ทำให้การทำงานของตัวแทนประกันวินาศภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายดลเดช กล่าวต่อไปอีกว่า ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานตัวแทนประกันวินาศภัย ภายใต้พันธกิจ “ยกระดับมาตรฐาน กระชับความสัมพันธ์ และเพิ่มเติมตัวแทนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย” โดยการยกระดับมาตรฐานนั้น บริษัทฯ มุ่งเน้นให้ตัวแทนวิริยะประกันภัยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ และหมายรวมไปถึงความตระหนักในจริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพ นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาสำนักงานตัวแทนประกันวินาศภัยที่มีอยู่กว่า 300 แห่งให้เป็นสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายหนึ่งเดียวกับบริษัท เพื่อให้การจัดการงานด้านบริการและงานขายที่มีประสิทธิภาพ “ใช่แต่บริษัทจะเข้าไปสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยีและเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวแทนแล้ว บริษัทยังได้มีการกระชับความสัมพันธ์เพื่อตอกย้ำความเป็นครอบครัวเดียวกันในการส่งมอบการบริการดีๆ ให้กับผู้เอาประกันภัย รวมไปถึงการร่วมกันคืนกำไรให้กับสังคม โดยเฉพาะการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่สำนักงานตัวแทนตั้งอยู่ อันเป็นการดำเนินการที่จะได้ร่วมกันสานต่อเจตนารมย์ของผู้ก่อตั้งบริษัทฯ คือคุณเล็ก วิริยะพันธ์ ที่ว่า “ทำธุรกิจเพื่อสังคมที่ดีกว่า ไม่ใช่เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน โดยไม่สนใจผลกระทบต่อสังคม ธุรกิจที่ดีต้องมีกำไร แต่ต้องมีขอบเขต มีคุณธรรมที่เกิดประโยชน์ และไม่เอารัดเอาเปรียบกัน” นายดลเดช เปิดเผยต่อไปอีกว่า สำหรับการขยายตัวแทนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทย นับเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญที่สุดของบริษัทฯ เพราะถือเป็นการสร้างเมล็ดพันธ์ใหม่ตัวแทนวิริยะประกันภัย และเป็นต้นแบบของความเป็นมาตรฐานตัวแทนประกันวินาศภัยมืออาชีพที่แท้จริงในยุคดิจิทัล ซึ่งจะมีความแตกต่างไปจากมาตรฐานเดิมๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และที่สำคัญการเพิ่มตัวแทนใหม่มิได้มุ่งหวังในเรื่องของปริมาณของตัวแทนใหม่รวมไปถึงยอดขาย แต่บริษัทฯ มุ่งเน้นเติมเต็มในพื้นที่ที่ตัวแทนเก่ายังไม่สามารถบริการการประกันภัยได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง โดยในระยะแรกบริษัทฯ จะเปิดรับสมัครในพื้นที่เป้าหมาย รวม 13 จังหวัดด้วยกันคือ ภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง, น่าน, พิจิตร และ อุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกฉียงเหนือ ได้แก่ กาฬสินธ์, มหาสารคาม, และศรีษะเกษ ภาคตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว และจันทบุรี ภาคกลางและภาตตะวันตก ได้แก่ กาญจนบุรี และภาคใต้ ได้แก่ ตรัง, ชุมพร และภูเก็ต “สำหรับผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี (มกราคม-มิถุนายน 2562) บริษัทมีผลประกอบการรวม 19,218,708,635 บาท แบ่งออกเป็น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ 15,718,822,048 บาท ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 1,770,832,632 บาท ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 1,729,053,956 บาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเพิ่มรวม 3%” คุณดลเดช กล่าวในที่สุด