วันที่ 7ส.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม 4 ผู้ต้องหาอ้างหน่วยงาน UN หลอกลวงชาวบ้านกว่า 60,000 คน ทำการปลูกถั่วดาวอินคา สูญเงินกว่า 3,000 ล้านบาท โดยในกลุ่มดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมอยู่ด้วย พื้นที่ สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ ผกก.สภ.บ้านผือ ว่าคดีนี้ได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วส่งสำนวนไปยังอัยการจังหวัดอุดรธานี เพื่อฟ้องคดีแล้ว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการจังหวัดอุดรธานี ต่อมาผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ไปพบอัยการตามนัด เพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาล อัยการจังหวัดอุดรธานี จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องหรือให้ออกหมายจับ ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับวันที่ 6 สิงหาคม 2652 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านผือ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ศสส.ภ.4 กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ได้พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของ ด.ต.เศรษฐสัณห์ เหล่าอำนาจ ผบ.หมู่ ป สภ.บ้านผือ จว.อุดรธานี นั้นได้รายงานตนต้องคดีมายัง ผกก.สภ.บ้านผือ แล้วและได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการได้สรุปความเห็นว่า มีมูลเป็นความวินัยอย่างร้ายแรง และได้ส่งเรื่องไปยัง ภ.จว.อุดรธานี เพื่อให้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ขณะนี้ต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนวินัยร้ายแรง ปัจจุบัน ด.ต.เศรษฐสัณห์ ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่.ภ.จว.นครพนม ซึ่งทาง ภ.จว.นครพนม พิจารณาโทษทางวินัย ที่ผ่านมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายระมัดระวังกิริยามารยาท ในการแสดงออกและขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย อย่าลุแก่อำนาจที่ตนมี หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอดไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี