อธิบดีกรมชลประทาน กำชับเร่งส่งน้ำเข้าสู่คลองสาขา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสูบไปใช้ดับเปลวเพลิงที่ลุกโหมขึ้นอีกในป่าพรุควนเคร็ง อีกทั้งเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดินของป่าพรุเพื่อลดอุณหภูมิที่สูงอยู่ลง โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนจนกว่าไฟจะมอดสนิท เมื่อวันที่ 5 ส.ค.62 ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้รับรายงานจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังบนว่า เปลวเพลิงโหมไหม้รุนแรงขึ้นในป่าพรุควนเคร็ง ที่หมู่ 11 บ้านไสขนุน ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด ซึ่งเป็นบริเวณที่มีแหล่งน้ำต้นทุนมีน้อยมาก จึงสั่งการให้ติดตั้งเครื่องสูบส่งน้ำเพิ่ม เพื่อสูบน้ำเข้าจากคลองเถี๊ยะเข้าไปยังคลองสาขาให้มากที่สุด อีกจุดหนึ่งคือ ที่ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ทิศเหนือของป่าพรุ ซึ่งอยู่ความรับผิดชอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง ได้เร่งสูบน้ำจากคลองฆ้องเข้าสู่คลองสาขาเช่นกัน โดยปลายคลองสาขาอยู่ห่างจากจุดที่เกิดไฟไหม้ประมาณ 4 กิโลเมตร ขณะนี้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเดินเครื่องสูบแล้ว 30 เครื่อง โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำว่า ให้ทำทุกวิถีทางที่จะส่งน้ำเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่าไฟจะมอดสนิท อุปสรรคที่พบคือ เมื่อสูบน้ำจากแม่น้ำและคลองสายหลักเข้าสู่คลองสาขาแล้ว บางจุดมีท่อทำให้น้ำไหลย้อนกลับ จึงแก้ไขโดยการสร้างทำนบชั่วคราวปิด เพื่อให้น้ำไหลถึงปลายคลอง ส่วนคลองสาขาที่ปากคลองแคบได้ใช้รถแบ็คโฮ 5 คันขุดเปิดทางให้กว้างขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าต้องสูบน้ำต่อไปฉีดดับเปลวเพลิงที่ยังลุกโหมขึ้นมาเป็นระยะๆ รวมทั้งยังต้องฉีดพ่นเพื่อควบคุมไม่ให้ไฟปะทุขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องอัดน้ำลงสู่ใต้ผืนป่าพรุ เนื่องจากไม่มีฝนตกมานาน ใต้ผืนป่าจึงแห้ง การสูบน้ำเติมลงไปจะช่วยลดอุณหภูมิที่สูงอยู่ลง การทำทั้ง 3 วิธีพร้อมกันไปจะช่วยให้ไฟมอดสนิทได้เร็วขึ้น ล่าสุด ศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง ได้เชิญผู้อำนวยการโครงการชลประทานในพื้นที่ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 5 ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า รวมทั้งนายอำเภอเชียรใหญ่ ชะอวด หัวไทร ร่อนพิบูลย์ และเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็น 5 อำเภอ ครอบคลุมป่าพรุควนเคร็งมาหารือ เพื่อหาแนวทางดับไฟให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด