วันที่ 3 ส.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เผยถึงกรณีในห้วง 2-3 วันที่ผ่านมาเกี่ยวกับเหตุเกิดวัตถุเสียงดังคล้ายวัตถุระเบิดในพื้นที่ กทม. และใกล้เคียง ประกอบตามที่ปรากฎข้อมูลข่าวสารตามสื่อบางสำนัก ซึ่งสร้างความสับสนกับสังคมขึ้น ว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้เร่งพิสูจน์ทราบและจับกุมคนร้ายที่พยายามสร้างสถานการณ์ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน สามารถพิสูจน์ทราบและติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเยาวชน 4 ราย ที่ก่อเหตุในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สน.หัวหมาก ได้แล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางวัตถุต้องสงสัย บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อีก 2 ราย ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผล พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่สื่อบางสำนัก ได้รายงานว่า “ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายที่จับกุมตัวได้ ยอมเปิดปากรับสารภาพทั้งหมดแล้ว จนทราบว่ายังมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 8 คน ซึ่งทุกจุดคนร้ายต้องการมุ่งวางระเบิดจริงทั้งหมด และตามจุดต่าง ๆ ส่วนสาเหตุสำคัญที่คนร้ายขึ้นมาก่อเหตุป่วนกรุงในครั้งนี้ เนื่องจากแก้แค้นไม่พอใจที่ก่อนหน้านี้กองทัพภาค 4 ได้คุมตัวแนวร่วมไปสอบสวนแล้วเสียชีวิตในค่ายทหาร จนเป็นปัจจัยให้ขึ้นมาก่อเหตุดังกล่าว” ขอเรียนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนขยายผล โดยขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานให้ครบถ้วน จึงจะสามารถชี้แจงต่อสังคมได้ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มาโดยตลอด ให้ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพยึดหลักกฎหมายระเบียบข้อบังคับสามารถตรวจสอบได้และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ขอเตือนไปยังสื่อที่นำเสนอข่าวในรูปแบบที่สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน ก่อเกิดความเสียหายในภาพรวมและความน่าเชื่อถือขององค์กร โปรดรับข้อมูลข่าวสารจากทางราชการ หรือ หน่วยงานของรัฐ ในการเผยแพร่แก่ประชาชน เป็นสำคัญ เพื่อป้องกัน การรับข่าวสารที่ทำให้เกิดความสับสน ก่อให้การตื่นตระหนกและสร้างความเกลียดชัง ตลอดจนขอให้พี่น้องประชาชน เชื่อมั่นและมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรับฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น