จากกรณีมีมิจฉาชีพเป็นหญิงสาวขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่บ้านของนางคำเหมือน และ นายอวน สะเดา สองตายายอยู่บ้านเลขที่ 135 ม.4 บ้านสงแดง ต.นาแพง อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ทำทีตีสนิทกับสองตายายแอบอ้างว่ารู้จักลูกหลานของตายายขายของข้างร้านกันที่ กรุงเทพฯ ก่อนออกอุบายว่าจะเดินทางกลับ กรุงเทพฯ ลูกหลานของยายอยากได้ข่าไปกิน ตายายเชื่อสนิทใจลุกไปขุดข่าหลังบ้านมาให้ 1 กำ แต่จังหวะที่ยายไปขุดข่า ตานั่งอยู่หน้าบ้าน มิจฉาชีพสาวรายนี้ขอเข้าห้องน้ำและไปรื้อค้นภายในบ้าน ได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 180,000 บาทใต้ที่นอนของตายาย ซึ่งเป็นเงินที่ตายายเก็บหอมรอมริบไว้ใช้ในยามแก่เฒ่าและไว้เผาศพตัวเองไม่ให้ลำบากลูกหลาน ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ส.ค.2562 พ.ต.อ.โผนชัย ครองยุทธิ์ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมตัว น.ส.ธวัลกร แคฝอย อายุ 43 ปี ชาวต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ผู้ตอวหาในคดีดังกล่าวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านของสองตายายที่เกิดเหตุและชี้จุดที่เข้าไปขโมยเอาเงินสด และให้ยายไปขุดข่าที่หลังบ้าน ภายหลังจากผู้ต้องหาไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่ จ.บุรีรัมย์ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2562 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.โผนชัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกโพธิ์ไชย ได้ขออายัดตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีและชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยระหว่างการทำแผนผู้ต้องหาได้ก้มกราบเท้าสองตายายเพื่อขออโหสิกรรมกับสิ่งที่ทำลงไป โดยยายคำเหมือน กล่าวกับผู้ต้องหาว่า “ยายก็ไม่มีเงินเหมือนกัน ไม่ได้ทำมาหากิน นาก็ไม่ได้ทำ ยายไม่ถือโกรธเธอหลอก ต่อไปอย่าไปทำกับใครอีก ให้กลับตัวกลับใจซะ” "หลังทำแผนเสร็จทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการควบคุมตัวนางสาวธวัลกร ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกโพธิ์ไชย เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป