วันที่ 31 ก.ค. 62 นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในคดีที่ดีเอสไอส่งคำร้องถึงอัยการสูงสุดขอให้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งยกเลิกมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เครือข่ายพระวัดธรรมกายและให้ทรัพย์สินของมูลนิธิ ตกเป็นของแผ่นดินว่า ที่ประชุมเห็นว่าให้เพิ่มพยานหลักฐานและเสนออัยการสูงสุด เพื่อพิจารณายื่นเรื่องต่อศาลต่อไป โดยจะยึดผลของคดีอาญาคดีฟอกเงิน นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า การจะยกเลิกมูลนิธิฯหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งในทางปฎิบัติพนักงานอัยการสามารถที่จะยื่นคำขอให้ศาลพิจารณา โดยอัยการเตรียมขอเพิ่มพยานหลักฐาน เพราะการกระทำหลายอย่างที่เข้าเงื่อนไขให้เลิกมูลนิธิฯ อาทิ การกระทำของมูลนิธิขัดต่อกฎหมาย เงินจากการฉ้อโกงของสหกรณ์ต่างๆถูกถ่ายเทเข้ามายังมูลนิธิ และถูกกระจายไปสร้างตึก อาคารต่างๆ ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความไว้แล้วประมาณ 5,000 คน ความเสียหายรวมหลายหมื่นล้านบาท โดยยังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากยังไม่ได้มาแจ้งความ สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดธรรมกายมีทั้งสิ้น 17 สำนวนคดี บางส่วนอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติมในชั้นอัยการ บางส่วนอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และอยู่ระหว่างเร่งรัดอีก 10 คดี เนื่องจากบางคดีอยู่ระหว่างการสอบพยาน สอบเส้นทางการเงิน สืบทรัพย์สิน ซึ่งต้องใช้เวลา และบางคดีมีการร้องขอความเป็นธรรมจึงต้องสอบเพิ่มเติมอีกเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนเรื่องตามติดตามตัวพระธัมมชโย ดีเอสไอก็ดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าอยู่ในหรือออกนอกประเทศไปแล้ว จึงยังไม่สามารถขอศาลออกหมายค้นได้