กรมชลฯ เร่งผันน้ำ แก้วิกฤติลุ่มเจ้าพระยา กระแทกน้ำจากเขื่อนภูมิพล หยุดสถานีสูบ 400 กว่าแห่ง ริมแม่น้ำปิง- น่าน 3 วัน ดันน้ำถึงหน้าเขื่อนเจ้าพระยา 28ก.ค.นี้ พร้อมดึงน้ำลุ่มแม่กลอง มาเสริม อัดเข้าระบบชลประทานช่วยนาข้าวหลายแสนไร่ขาดน้ำ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.62 นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า ขณะนี้เขื่อนภูมิพลได้เพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 23 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ. ม.) เป็น 25 ล้านลบ. ม. อีกทั้งกรมชลประทานได้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดท้ายเขื่อนได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และสุโขทัยให้ขอความร่วมมือองค์การบริหารส่วนตำบลหยุดสูบน้ำจากสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าริมแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านรวม 400 สถานีเป็นเวลา 3 วัน โดยเรียกว่า กระแทกน้ำ ลงแม่นำ้เจ้าพระยา ผันมาช่วยพื้นที่นาข้าวลุ่มเจ้าพระยา ตามข้อสั่งการของนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากต้องการให้น้ำที่ไหลมาบรรจบ ที่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์มีระดับสูงขึ้น ทั้งนี้ ปริมาณการระบายน้ำที่ปรับเพิ่มขึ้นจะไหลมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทในวันที่ 28 ก.ค.ซึ่งจะทำให้น้ำหน้าเขื่อนสูงขึ้นตามไปด้วย โดยล่าสุดน้ำหน้าเขื่อนอยู่ที่ 14.19 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง (เมตร รทก.) โดยระดับที่เหมาะสมอยู่ที่ 15 เมตร รทก. ขึ้นไปซึ่งจะทำให้การทดน้ำเข้าระบบชลประทานทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ระดับน้ำหน้าเขื่อนต่ำลงส่งผลให้น้ำไหลเข้าคลองส่งน้ำน้อยลง โดยเฉพาะคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง (คลอง มอ.) ซึ่งยาวถึง 104 กิโลเมตร ตั้งแต่อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาทถึงอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พื้นที่เกษตร 250,000 ไร่เสี่ยงจะเสียหาย จึงได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 2 ชุด เพื่อเพิ่มความเร็วของน้ำบริเวณท้ายประตูระบายน้ำพลเทพ บริเวณ กม.ที่ 22 และติดตั้งเครื่องสูบ 2 เครื่องเพื่อสูบน้ำจากห้วยโตนดลงคลองมะขามเฒ่า-กระเสียว(คลอง มก.) อีก 4 เครื่องสูบน้ำจากบึงกระจับลงคลอง มก. และยังสูบน้ำจากปลายคลอง มก. บริเวณ กม.ที่ 47 ลงคลอง มอ. ด้วยเครื่องสูบน้ำ 6 เครื่อง พร้อมกับเดินเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าอีก 2เครื่องที่ปลายสถานีสูบน้ำบางคณฑี บริเวณกม.ที่ 99 คาดว่าจะทำให้น้ำในคลอง มอ. เพิ่มขึ้นรวมประมาณ 3.38 ลบ.ม./วินาที “ได้ผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาเสริมลุ่มน้ำท่าจีนผ่านคลองจรเข้สามพันส่งน้ำเข้าคลอง ร. 9 ที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีคาดว่า จะเพิ่มปริมาณน้ำได้อีก 1.4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเพื่อให้สามารถส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เกษตรอย่างทั่วถึง สำหรับการส่งน้ำใช้ระบบจัดรอบเวรให้สูบเป็นกำหนดเป็นวันและชั่วโมงขึ้นกับขนาดของคลองส่งน้ำและพื้นที่รับน้ำซึ่งขณะนี้น้ำที่เกษตรกรสูบได้ตามรอบเวรบางพื้นที่ยังไม่เพียงพอ แต่เมื่อน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยายกระดับสูงขึ้นจะทำให้น้ำเข้าสู่ระบบชลประทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สถานการณ์ภัยแล้งจะดีขึ้นในเร็ววันนี้”นายสุรชาติ กล่าว กรมชลประทาน ได้สรุปปริมาณการระบายน้ำของเขื่อนหลัก 4 เขื่อนลุ่มเจ้าพระยาดังนี้ เขื่อนภูมิพลระบายน้ำวันละ 25 ล้านลบ. ม. เพิ่มขึ้น 2 ล้านลบ. ม. และเขื่อนสิริกิติ์ระบายวันละ 19.98 ล้านลบ. ม. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนระบายวันละ 2.16 ล้านลบ. ม. ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จากเดิมระบายวันละ 700,000 ล้านลบ. ม. กำลังพิจารณาทยอยปรับลดการระบายลงเนื่องจากเริ่มมีฝนตกลงมาในพื้นที่ด้านท้ายน้ำสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตร คาดว่า จะทำให้สถานการณ์น้ำของเขื่อนซึ่งขณะนี้มีน้ำใช้การได้เพียงร้อยละ 4 นั้นดีขึ้นตามลำดับ หากฝนกลับมาตกต่อเนื่องอีกครั้งตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา