ตำรวจ สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ เตรียมออกหมายจับสาวแสบเข้าไปทำทีตีสนิทแม่เฒ่าวัย 80 ปี อ้างรู้จักลูกสาวที่ทำงานกรุงเทพฯ แล้วออกอุบายบอกหิวข้าว แม่เฒ่าใจดีลงทุนตำส้มตำและให้ตาไปซื้อไก่ย่างมาให้กิน ก่อนฉวยโอกาสช่วงเหยื่อทำกับข้าวเข้าไปขโมยเงินสด 10,000 บาทที่เก็บสะสมจากเบี้ยยังชีพ สร้อยทองอีก 1 บาท ขี่จักรยานยนต์หนีลอยนวล วันนี้ (23 ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ว่ามีมิจฉาชีพเป็นหญิง ไปหลอกตีสนิทผู้สูงอายุที่อยู่บ้านลำพัง แล้วฉวยโอกาสเข้าไปขโมยเงินสดและสร้อยคอทองคำรูปพรรณ ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับร้องเรียน โดยบ้านหลังเกิดเหตุ คือ บ้านเลขที่ 74 ม.9 บ้านหนองหญ้ารังกา ม.9 ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ก็ได้พบกับนางนวลศรี สิงห์ไธสง อายุ 80 ปี และ นายลี สิงห์ไธสง อายุ 80 ปี สองสามีภรรยาซึ่งปัจจุบันได้อาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวตามลำพัง จากการสอบถามนางนวลศรี ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. ตอนนั้นตนนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านคนเดียว ก็ได้มีหญิงอายุประมาณ 40 – 45 ปี รูปร่างท้วม ผิวดำแดง ผมยาวประบ่า ขี่รถจักรยานยนต์สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดหน้าบ้าน ตนจึงถามว่า “มาหาใคร” หญิงคนนั้นก็ถามกลับมาว่า “ลูกสาวยายชื่ออะไร” ตนจึงตอบไปว่าชื่อ “ทองคำ” จากนั้นหญิงดังกล่าวก็บอกว่า ลูกสาวยายซึ่งทำงานอยู่กรุงเทพฯ ได้สั่งซื้อน้ำผึ้ง 1 ขวด ในราคา 150 บาท จะมาขอเก็บเงินค่าน้ำผึ้ง ตนจึงเดินไปหยิบเงินที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อชั้นในซ่อนไว้ใต้หัวเตียงมาให้ 150 บาท จากนั้นหญิงดังกล่าว ยังบอกกับยายด้วยว่า ตนเองเป็นเพื่อนกับลูกสาว ทั้งยังออกอุบายว่าเดินทางมาไกลหิวข้าว คุณยาย ก็ใจดีรีบไปเตรียมเครื่องสำหรับตำส้มตำ ที่อยู่ในห้องครัวในบ้าน ทั้งยังบอกให้ตาไปซื้อไก่ย่างมาให้หญิงคนดังกล่าวกิน แต่หญิงมิจฉาชีพกลับบอกให้ยายออกมาตำส้มตำข้างนอก ก่อนจะเดินไปยกครก สาก และเครื่องปรุงขนออกมานอกบ้าน บอกว่าตำข้างนอกอากาศดีกว่าข้างในร้อน แล้วพอยายตำส้มตำอยู่ข้างนอก หญิงแสบคนดังกล่าวก็ออกอุบายว่าปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ ยายจึงชี้ให้ไปเข้าห้องน้ำในบ้าน ไม่นานก็ขอเข้าอีก 2 ครั้ง โดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอยายเข้าไปหาแก้วหาจานในบ้านแล้วเดินออกมา ก็ไม่เห็นหญิงคนดังกล่าวแล้ว จากนั้นสามีที่ไปซื้อไก่ย่างเข้ามา ก็ไม่พบหญิงคนนั้นแล้ว จึงเริ่มเอะใจแล้วบอกให้ยายรีบเข้าไปดูที่เก็บเงิน ปรากฏว่าเงินที่ลูกสาวส่งมาให้ใช้ และเงินจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่เก็บสะสมไว้รวมจำนวน 10,000 บาท กับสร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 1 บาท รวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท ที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อชั้นในหายไปทั้งหมด จึงมั่นใจหญิงคนดังกล่าวขโมยไปแน่นอน จึงได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านทราบ ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะพาไปแจ้งความที่ สภ.นาโพธิ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวมิจฉาชีพรายดังกล่าวมาดำเนินคดี ยายนวลศรี ยังฝากบอกหญิงที่มาหลอกขโมยเงินยายด้วยว่า หากเอาเงิน กับทองยายไปก็ขอให้เอามาคืนเพราะตากับยายแก่แล้ว ทำงานหนักไม่ได้ทุกวันนี้ต้องรอเงินจากลูกสาว และอาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นค่าใช้จ่ายและกินอยู่ในแต่ละวัน และหากได้เงินกลับมาคืนก็จะแบ่งไปทำบุญและเก็บไว้ใช้จ่าย ทางด้าน พ.ต.ท.ประภาส พวงศรี รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.นาโพธิ์ ระบุว่า ขณะนี้รู้เบาะแสหญิงต้องสงสัยแล้ว และเตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับในวันพรุ่งนี้ ในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด” ซึ่งจากการสืบสวนทราบว่าหญิงคนดังกล่าวได้ก่อเหตุมาแล้วหลายท้องที่ โดยมีพฤติกรรมก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน จึงได้ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชน และผู้สูงอายุที่อยู่บ้านตามลำพัง ควรระมัดระวังอย่าหลงเชื่อบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้านแล้วใช้กลอุบายรูปแบบต่างๆ ในการหลอกลวง หากพบบุคคลไม่น่าไว้วางใจก็ให้แจ้งผู้ใหญ่บ้านได้รับทราบ