ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จับแก๊งลักรถ รายใหญ่ก่อเหตุแทบทุกวัน เอาแต่ อีซูซุ ดีแม็ค แบบที่เป็นระบบเกียร์ธรรมดา สุดท้ายไม่รอด จนมุม ตร.พร้อมรถกระบะของกลาง 3 คัน เผยก่อเหตุมาหลายพื้นที่ พบเส้นทางนำซุก อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว รอส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน คันละ 50,000 บาท วันนี้ (22 ก.ค.62) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บริเวณหน้า สภ.เมืองบุรีรัมย์ พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมแถลงข่าวผลงาน ศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (ศปจร.ภจว.บุรีรัมย์) ทลายแก๊งลักรถยนต์กระบะรายใหญ่ ที่เน้นโจรกรรมรถยนต์ยี่ห้อ อิซูซุ ดีแม็ค แบบที่เป็นระบบเกียร์ธรรมดา (ไม่ใช่ระบบเกียร์แบบออโต้) เป็นหลัก ตามออเดอร์นายทุนประเทศเพื่อนบ้าน รวบ 3 ผู้ต้องหา พร้อมรถกระบะ 3 คัน โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย มี นายสมพร หรือวุฒิ หิมชัน , น.ส.สุปรางทิพย์ หรือขวัญ ทรงโฉม และนายสันติ หรือมิ๊ก หวานเย็น ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว และติดตามจับกุมที่เหลืออีก 1 คน นายภวินทร์ หรือบอย บุตรงาม ช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.ค.2562 หลบซ่อนตัวอยู่ที่ ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยของกลางเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการงัด / สตาร์ท รถยนต์/ มือถือ / แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แจ้งข้อหา “ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์รถยนต์” ส่วนรถยนต์กระบะที่ถูกคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์มา ทั้ง 3 คัน ได้แก่ 1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อิซูซุ รุ่น ดีแม็ค แคป สีเทา (เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนใหม่) รับแจ้งเหตุที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2562 , 2.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อิซูซุ รุ่น ดีแม็ค แคป สีน้ำตาล (เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนใหม่) รับแจ้งเหตุที่ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2562 และ 3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อิซูซุ รุ่น ดีแม็ค แคป สีฟ้า ฝาประโปรงสีดำ บริเวณแคปสีดำ (เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนใหม่) ตรวจสอบข้อมูลรถยนต์พบว่าเป็นรถยนต์คันที่หายและ รับแจ้งเหตุที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2562 โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ค.62 เวลาประมาณ 08.00 น. ตำรวจ สภ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะ จำนวน 3 คัน เนื่องจากรถยนต์ดังกล่าวมีพฤติกรรมขับรถหลบหนีด่านจุดกวดขันวินัยจราจรป้อมกันปราบปราม อาชญากรรม ที่หน้าตู้ยามเฉลิมพระเกียรติ ฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถยนต์โล่เปิดสัญญาณไฟวับวาบไล่ติดตาม ทำให้กลุ่มคนที่ขับรถยนต์ ทั้ง 3 คัน จอดรถทิ้งไว้แล้วพากันหลบหนี ทราบเบื้องต้นว่ามีจำนวน 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ 3 คน มี นายสมพร หรือวุฒิ หิมชัน อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 63 ม.2 ต.ทัพเสด็จ อ.พระยา จ.สระแก้ว ทำหน้าที่เป็นคนใช้อุปกรณ์เครื่องมือ เปิดประตูรถ/สตาร์ทรถยนต์ – ติดต่อนายทุน ชาวกัมพูชา - ไปรับเงินฝั่งประเทศกัมพูชา และแบ่งเงินให้กับผู้ร่วมก่อเหตุ มีหมายจับศาลจังหวัดปราจีนบุรี ข้อ ร่วมกันหาลักทรัพย์ (รถยนต์) ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ หรือรับของโจร พื้นที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี , น.ส.สุปรางทิพย์ หรือขวัญ ทรงโฉม อายุ 18 ปีบ้านเลขที่ 79 ม.1 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นแฟนสาวของนายสมพร หรือวุฒิฯ ร่วมก่อเหตุ , นายสันติ หรือมิ๊ก หวานเย็น อายุ 23 ปีบ้านเลขที่ 99 ม.12 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ทำหน้าที่ หาเป้าหมาย-ดูต้นทาง และขับรถยนต์ มีหมายจับศาลจังหวัดปราจีนบุรี ข้อหา ร่วมกันหาลักทรัพย์ (รถยนต์) ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะฯ หรือรับของโจร พื้นที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ส่วน นายภวินทร์ หรือบอย บุตรงาม อายุ 22 ปีบ้านเลขที่ 275 ม.1ต.แซร์ออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ทำหน้าที่ หาเป้าหมาย-ดูต้นทาง และขับรถยนต์ หลบหนีไปได้ อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี จากการสอบถามผู้ต้องหา ทั้ง 3 คน ยอมรับว่า ก่อนหน้าที่จะก่อเหตุในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และเคยร่วมกันกับพวกก่อเหตุในลักษณะนี้ในพื้นที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี, อ.บางบ่อ จ.สมุทรปาการ และ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เพื่อขายให้นายทุนชาวกัมพูชา ในราคาคันละ 50,000 บาท พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงวันที่ 16 -20 ก.ค.2562 เกิดเหตุคนร้ายตระเวนโจรกรรมรถกระบะ ซึ่งกลุ่มคนร้ายจะขับรถยนต์ ตระเวนหารถยนต์เป้าหมาย โดยจะเลือกรถยนต์ยี่ห้อ อิซูซุ ดีแม็ค แบบที่เป็นระบบเกียร์ธรรมดา (ไม่ใช่ระบบเกียร์แบบออโต้) หากจุดที่จอดเอื้อต่อการก่อเหตุก็จะลงมือก่อเหตุ (ใช้เวลาในการก่อเหตุไม่กี่นาทีแล้วแต่รุ่นและจังหวะโอกาส) โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ จากนั้นจะนำรถยนต์ ที่ได้มาไปจอดไว้ในพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว แล้วบอกพิกัดตำแหน่งให้นายทุน ชื่อเบิร์ด ชาวกัมพูชาทราบ จากนั้นจะมีคนมารับรถยนต์ไป (กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ทราบว่ารถยนต์ จะออกสู่ประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางไหน/วัน-เวลาใด) หลังจากนั้น ในวันต่อมานายสมพร หรือวุฒิฯ จะได้รับการติดต่อให้ไปรับเงิน โดยจะข้ามชายแดนเข้าไปประเทศกัมพูชา เพื่อรับเงินสด ที่นายทุนฝากไว้ เป็นเงินสกุลดอลล่าสหรัฐฯ แล้วแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทย เป็นเงิน 50,000 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายในการทำงานแล้วนำเงินที่ได้จากการขายรถยนต์มาแบ่งคนละเท่าๆ กัน ทุกคน เงินที่ได้จะใช้จ่าย เที่ยว และซื้อยาเสพติด ชุดสืบสวนจะขยายผลเครือข่ายที่เหลือ ขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามจับกุมต่อไป