หากเอ่ยถึง “รักกา” เมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย เมื่อช่วง 3 – 4 ปีแต่ก่อนแล้วหล่ะก็ นามนี้ล้วนเป็นที่ขยาดไปทั่วโลก ในฐานะที่เป็น “นครหลวง” หรือ “เมืองเอก” ของขบวนก่อการร้ายอิลามหัวรุนแรงที่มีชื่อกลุ่มว่า “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส” หรือที่หลายคนเรียกว่า “ไอซิส” โดยเมือง “รักกา” ที่ว่า ถูกใช้เป็นทั้ง “ศูนย์กลาง” หรือ “ฮับ” ของขบวนการฯ สำหรับการแผ่อิทธิพลจนครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศซีเรีย คาบเกี่ยวไปถึงภาคเหนือของประเทศอิรัก รวมทั้งเป็นสถานการฝึกการก่อการร้ายของ “นักรบจีฮัด” สมุนของไอเอส ก่อนแยกย้ายกันไปมีปฏิบัติการก่อการร้ายในหลายพื้นที่ภูมิภาคโลก จนเขย่าขวัญสั่นประสาทชาวพิภพกันไปทั่วมาแล้ว เมื่อห้วงไม่กี่ปีก่อน กระทั่ง ชาติมหาอำนาจทั้งสองฟาก คือ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ต้องแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แยกย้ายไปปราบปรามก่อการร้ายขบวนการนี้ ทั้งในซีเรีย และอิรัก จนสามารถกวาดล้างกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ได้เป็นผลสำเร็จ ในพื้นที่ภาคตะวันออกของซีเรีย และภาคเหนือของอิรัก เมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ตามฉากสถานการณ์ที่ปรากฏในหน้าข่าว ก็ระบุว่า กว่าที่ “กองทัพประชาธิปไตยซีเรีย” หรือ “เอสดีเอฟ (SDF : Syrian Democratic Forces)” หนึ่งในกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งสหรัฐฯ ให้การสนับสนุน ได้มีปฏิบัติการโจมตีบดขยี้ครั้งใหญ่ต่อกลุ่มไอเอสในเมืองรักกา โดยมีรายงานว่า เกิดการสู้รบกันอย่างหนักตลอดระยะเวลา 3 เดือน กว่าที่ “เอสดีเอฟ” ยึดเมืองหลวงของกลุ่มไอเอสไว้ได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทำให้เหล่าวายร้ายต้องระเห็จ หลบหนีกระจัดกระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทว่า ก็แลกมาด้วยชีวิตกำลังพลของเอสดีเอฟ และสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐาน อินฟราสตรัคเจอร์ต่างๆ ของนครแห่งนั้น แบบภินท์พังย่อยยับกันเกือบจะทั่วเมือง อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสำรวจสภาพความเสียหายของเมืองรักกา โดย “มูลนิธิพัฒนาซีเรียอย่างยั่งยืน” หรือ “เอสเอฟเอสดี” ที่มี “นายอาเฮ็ด อัล-เฮนดี” เป็นหัวหน้า ก็ได้บังเกิดความคิดว่า น่าจะพลิกฟื้น “สวนสาธารณะเก่า” ซึ่งถูกกลุ่มไอซิส นำไปทำสถานฝึกก่อการร้ายบ้าง หรือลานประหารชีวิตผู้เห็นต่างบ้าง เช่น ในย่านจตุรัส “อัล-นาอีม สแควร์” ที่เหล่าวายร้ายไอซิส ทำให้เป็นลานประหารผู้เห็นต่าง จากเดิมที่เคยเป็นสถานท่องเที่ยวและชุมนุมของชาวเมืองอันเลื่องชื่อ ซึ่งทางมูลนิธิฯ ข้างต้น ก็เห็นควรฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ให้ไปเป็น “สนามเด็กเล่น” ควบคู่ไปกับการบูรณปฏิสังขรณ์เมือง ให้กลับมาดีดังเดิม แบบให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้ใหญ่ พร้อมไปกับความสนุกสนานของพวกเด็กๆ คุณหนูๆ ควบคู่ไปด้วยกัน คนงานกำลังปรับปรุงพื้นที่สวนสาธารณะเก่าของเมืองรักกา ให้กลายเป็นสนามเด็กเล่น ก็ปรากฏว่า มีกลุ่มรณรงค์เคลื่อนไหวต่างๆ เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนในโครงการพลิกฟื้นบูรณปฏิสังขรณ์ข้างต้น ภายใต้แนวคิดนำที่จะทำให้ศูนย์กลางการก่อการร้ายแถวหน้าของโลกแห่งนั้นเป็น “สนามเด็กเล่น” อย่างเป็นรูปธรรม โดยสมาชิกนักรณรงค์เคลื่อนไหวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า จะพลิกฟื้นนครที่เคยน่ากลัวสยดสยองจากการถูกครอบครองโดยกลุ่มไอเอสมาเป็นนานหลายปี ให้กลายเป็นเมืองสีสัน ที่มิใช่แต่เฉพาะสำหรับผู้ใหญ่ให้มาท่องเที่ยว แต่ยังจะเพื่อสำหรับคุณหนูๆ ชาวซีเรีย หลังจากที่พวกเขาคืนถิ่นบ้านเกิด หรือกลับจากสถานอพยพหลบภัยสงครามการก่อการร้าย กำแพงในสวนสาธารณะ ที่ได้รับการบูรณะจากเดิมที่ปรักหักพังให้กลายเป็นกำแพงที่เต็มไปด้วยสีสัน จากเหล่าศิลปินที่มาร่วมแต่งแต้มสีสันต่างๆ ทั้งนี้ ทางหัวหน้าของมูลนิธิพัฒนาซีเรียอย่างยั่งยืน ยังระบุด้วยว่า การแต่งแต้มสีสันของบรรดาสนามเด็กเล่นที่ถูกพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่นี้ ก็ใช้สีต่างๆ ให้หลากหลาย เพื่อสร้างความสดใสให้แก่สถานที่ ที่หวังลบล้างภาพความน่ากลัวสยดสยองของไอเอสที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีต นอกจากจะพลิกฟื้นให้เป็นสนามเด็กเล่นแล้ว ทางมูลนิธิฯ ก็ยังมีแนวคิดที่จะทำให้สถานที่ต่างๆ มาเป็นโรงเรียนสำหรับพวกเด็กๆ เช่น โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม รวมถึงประเภทพวก “ลานกีฬา” ให้กลับมาสู่เมืองรักกากันอีกคำรบด้วย บรรดาเครื่องเล่นภายในสนามเด็กเล่น ที่ถูกพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางการช่วยเหลือด้านเงินทุนจากบรรดากลุ่มองค์กรต่างๆ อาทิ “หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ” หรือ “ยูเอสเอด (USAID : U.S. Agency for International Development) เป็นต้น ทั้งนี้ นอกจากนี้ “ยูเอสเอด” ก็ยังมีองค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ของสหรัฐฯ เข้าร่วมสมทบด้วย โดยมีรายงานว่า มีจำนวนมากเกือบ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยกัน สำหรับการช่วยพลิกฟื้นพื้นที่ต่างๆ ในซีเรีย ซึ่งรวมถึงการบูรณปฏิสังขรณ์เมืองรักกาแห่งนี้ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากหลายฝ่าย ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ช่วยให้พลิกฟื้น “รักกา” นครที่เปรียบได้กับ “เมืองหลวงของไอเอส” เมื่อครั้งอดีต กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งความสนุกสนานของเหล่าเด็กๆ ตลอดจนชาวเมือง ที่คืนถิ่นสู่บ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาอีกครั้ง ซึ่งทางบรรดาศิลปิน ที่นำโดย “อัสลน มาโม” หัวหน้านักศิลปะ มาสะบัดปลายพู่กันแต่งแต้มสีสันสนามเด็กเล่น ก็มองด้วยความชื่นมื่นเป็นปลื้มกับผลงานที่ออกมา เด็กๆ ชาวซีเรีย ในเมืองรักกา กำลังเล่นเครื่องเล่นต่างๆ อย่างสนุกสนานภายในสนามเด็กเล่น