ส.ส.อนาคตใหม่ และคณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ ลงพื้นที่บุรีรัมย์รับฟังข้อมูลกรณีครูข้ามเพศ ขอแต่งหญิงไปสอนแต่ถูกประเมินไม่ผ่าน เพื่อหารือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหาทางออกปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะตัวแทน ร.ร.ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งหรือเหยียดเพศตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมแจงการประเมินไม่ผ่านเป็นเรื่องผลการทำงานเป็นหลัก วอนสังคมรับฟังข้อมูลรอบด้าน จากกรณีที่มีนักสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิความหลากหลายทางเพศ ได้โพสต์เรื่องราวของครูคนหนึ่งซึ่งเป็นครูสาวประเภทสอง หรือครูข้ามเพศ ได้ถูกผู้บริหารกดดันและกลั่นแกล้ง เพียงเพราะเป็นครูข้ามเพศ และเรียกร้องอยากจะแต่งหญิงไปสอนหนังสือ จนถูกเลือกปฏิบัติทำให้ไม่ผ่านประเมินเพื่อบีบให้ออกจากราชการ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด"กอล์ฟ ธัญญ์วาริน" ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และคณะทำงานเพี่อความเท่าเทียมทางเพศ ก็ได้เดินทางไปพบกับ“ครูบอล” ครูหญิงข้ามเพศ ที่เป็นครูผู้ช่วยอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อไปรับฟังข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงโรงเรียนก็ได้พบและพูดคุยเพื่อรับฟังข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย โดยคุณ กอล์ฟ บอกว่า ในฐานะที่ตนเองเป็น ส.ส.ผู้มีความหลากหลายทางเพศ เมื่อทราบข่าวว่ามีครูข้ามเพศคนหนึ่งถูกเลือกปฏิบัติ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อมารับฟังข้อมูลจากครูบอล ที่ตกเป็นข่าว แต่พอมาถึงโรงเรียนก็มีได้พบกับทั้งครูบอล และตัวแทนโรงเรียน จึงได้พูดคุยและรับฟังข้อมูลของทั้งสองฝ่ายพร้อมกัน ทั้งนี้ ยังถือโอกาสมาโปรโมทหนังสือเรียน วิชาสุขศึกษา ของ ป.1 – ม.6 ซึ่งได้บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับการทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ และมองว่ากรณีของครูบอล อาจจะเป็นกรณีศึกษาหรือจุดเริ่มต้นที่จะต้องให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศในสถานศึกษา เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และหลังจากรับฟังข้อมูลแล้วก็จะได้ไปปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เข้าใจในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ขณะที่ครูบอล ก็ยังยืนยันว่า ที่ตัวเองถูกประเมินให้ไม่ผ่านเพราะการร้องขอแต่งหญิงไปสอน ส่วนที่ทางโรงเรียนพยายามชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องการแต่งกาย แต่เป็นพฤติกรรมมากกว่านั้น ซึ่งตนเองยืนยันว่าพฤติกรรมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะมีความตั้งใจในการทำงานทุกครั้งและทำงานที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ และยังมองว่าทางโรงเรียนไม่ได้ยอมรับในเพศสภาพของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ครูบอล ก็ยังยืนยันอยากจะแต่งกายตามเพศสภาพของตัวเอง เพราะคิดว่าไม่ได้ไปกระทบหรือทำร้ายสิทธิของใคร ในส่วนของระเบียบเท่าที่ตนเองศึกษามาใน พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศก็ไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการแต่งกายตามเพศสภาพ ทั้งนี้ครูบอล ยอมรับว่าหลังที่มีกระแสในโซเชียลและออกเป็นข่าว ก็มีแรงกดดันจากหลายๆ ทาง แต่ก็เชื่อว่ายังมีความยุติธรรมอยู่ ด้านนางอาภาภรณ์ แปลงไธสง รักษาการรองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิชาการโรงเรียน ชี้แจงว่า ทางผู้บริหารและคณะครูในโรงเรียน ไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งครูบอล ตามที่ถูกกล่าวหาและยืนยันว่า การประเมินครู หรือบุคลากรในโรงเรียน เพื่อประกอบการเลื่อนขั้นเงินเดือน และประเมินการทำงานเพื่อรับการบรรจุ จะต้องมีการประเมินทุกคน ในส่วนของครูบอล ซึ่งพึ่งบรรจุใหม่ในตำแหน่งครูผู้ช่วยก็ต้องมีการประเมินแบบเข้ม ทั้งในเรื่องจรรยาบรรณครู ระเบียบวินัยข้าราชการครู รวมถึงการปฏิบัติตน การครองตน ครองคน ครองงาน ซึ่งก็มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินตามระเบียบ โดยมีรองผู้อำนวยการทั้ง 4 ฝ่าย และครูผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งการประเมินจะเน้นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติงานและผลงานเป็นหลัก ยืนยันว่า ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง แต่สิ่งที่ครูบอล ไปหยิบยกขึ้นมาว่าที่ไม่ผ่านการประเมิน เพราะเรื่องขอแต่งกายตามเพศสภาพเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ยืนยันว่าเป็นการประเมินตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามมาตรฐานเดียวกันทุกคน ซึ่งก็มีหลายคนที่ประเมินครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน แต่หลายคนก็กลับปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องและพัฒนาตัวเองจนผ่านการประเมิน ซึ่งยอมรับว่า กรณีที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับทางโรงเรียน และคณะครูในโรงเรียนเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาครูต่างก็ตั้งใจทำหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอน และดูแลนักเรียนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กพิเศษกันอย่างเต็มที่ แต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจ และอยากขอความเป็นธรรมและขอความเห็นใจจากสังคมหรือผู้ที่บริโภคข่าวสาร หรือโซเชียลต่างๆ ขอให้ฟังเหตุผลอย่างรอบด้าน อย่าพึ่งตัดสินหรือวิพากวิจาร จากการฟังข้อมูลเพียงด้านเดียว ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นก็จะได้หารือไปยังผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือหาทางออกให้ได้ข้อยุติในแนวทางที่ดีต่อไป