แก้วสรร อติโพธิ ทุกวันนี้หลายคนอดเป็นห่วงและเฝ้าดูไม่ได้ว่า แถลงนโยบายต่อรัฐสภาคราวนี้ นายกฯลุงตู่จะทนการรุมกัดทางวาจาของบรรดาฝ่ายค้านที่แสนจะแค้นเคืองได้หรือไม่ เชื่อว่างานนี้บรรดาองครักษ์คงเหนื่อยแน่ๆ ผมเองไม่คิดอย่างนั้น ผมกลับเป็นห่วงสภาผู้แทนเสียมากกว่า ว่าจะทนอยู่กับวาจาของท่านนายกฯได้หรือไม่ ท่านผู้นี้เป็นนักสู้ที่ต้องตอบทุกเม็ด ถามสิบตอบได้ร้อย ท่านได้ฝึกปรือพูดใส่จอทีวีทุกวันศุกร์มาห้าปีแล้ว ยังไม่เห็นกันหรือว่าทานทนอึดขนาดไหน หนาหนัก หลากหลาย ลึกซื้ง ตรึงใจ เพียงใดบ้าง ดูอย่างท่าน “นายกฯลิ้นทอง”หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์นั่นสิครับ นายกฯไทยคนนี้ท่านได้ฉายานี้มาก็เพราะยืนซดกับการซักฟอกของ สส.ในสภาได้สามวันสามคืน ทรหดมาก ท่านพูดทุกเม็ดตอบทุกเม็ดจน สส.ฝ่ายค้านต้องดึงกางเกงกันเองว่าให้หยุดซักได้แล้ว..กูง่วง คิดอย่างนี้แล้วผมว่า นายกฯลุงตู่ นี่แหละ จะได้ฉายาเป็น “นายกฯลิ้นทอง” คนที่สอง เป็นแน่ ครั้นพอผมถามความเห็นน้องชายดูบ้าง เขาก็เห็นด้วยว่างานนี้สภาไทยน่าจะซวยแน่ แต่เขาขอเปลี่ยนฉายาจะได้ไหม เพราะนายกฯลุงตู่นี้ แม้จะพูดได้ไม่หยุดก็จริง แต่ที่หยุดยากนั้นก็เพราะท่านสำคัญว่าคนเขาชอบฟังที่ท่านพูด ท่านก็เลยพูดได้มาก พูดไม่มีหยุด พูดได้เรื่อยๆ สส.จะว่าอย่างไรก็ว่าไป ท่านก็ว่าของท่านไป ให้มันรู้ไปว่าใครจะทนกว่ากัน แม้จะมีขึ้นเสียงมีตวาดบ้างก็พอให้หายง่วงเท่านั้น ไม่ต้องถือสาอะไรกัน คิดอย่างนี้แล้วน้องผมก็ลงความเห็นว่า ลุงตู่จะมิใช่ “นายกฯลิ้นทอง” คนที่ 2 หรอก แต่จะเป็น “นายกฯนกแก้ว” คนที่ 1 เสียมากกว่า
ท่านทั้งหลายฟังนายกฯคนนี้พูดมาหลายร้อยครั้ง กว่า ๕ ปี แล้ว เห็นตรงกับผมหรือน้อง ก็โปรดกาเครื่องหมาย X แสดงความเห็นลงในช่องท้ายนี้ด้วยครับ