ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ระบุ “เรื่องไม่ยาวนักแสดงให้เห็นถึง การใช้อำนาจบาตรใหญ่ ของกฎหมายของตัวหนังสือด้วยไม่เคยดูสภาพที่ปรากฏอยู่กับตา เรื่องที่เห็นอยู่ชัดๆคือเรื่องกัญชาทางการแพทย์ การออกกฎโดยไม่เคยคิดถึงคนป่วยยากไร้ที่จะมาใช้ประโยชน์ได้ทันที ในขณะเดียวกันการส่งเสริมการใช้สารเคมีพิษโดยหวังผลประโยชน์ส่วนตนมหาศาลไม่สนใจคนไทยจะตายไปเพียงใด อาศัยว่ามีกฎหมายคุ้มครองต้องมีวันหนึ่งที่ประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้เสียที “เรื่องนี้เกิดขึ้นบนรถไฟขบวนหนึ่ง” บนตู้โดยสารของรถไฟขบวนหนึ่ง พนักงานตรวจตั๋วสาวสวย กำลังคุยกับผู้โดยสารชายสูงอายุคนหนึ่ง  "ตรวจตั๋วค่า" ชายชราล้วงกระเป๋าควาน หาตั๋วอยู่ครู่ใหญ่ พบแล้วจึงส่งให้พนักงานสาว เธอรับตั๋วดู แล้วหรี่ตามองหน้าผู้เฒ่า "นี่มันตั๋วเด็กนะลุง"  ผู้เฒ่ามีสีหน้าแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วพูดออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา "ผมเห็นว่าตั๋วเด็กกับตั๋วคนพิการ ราคาเดียวกัน เลยซื้อเป็นตั๋วเด็กครับ"  พนักงานสาวมองผู้เฒ่าหัวจรดเท้าแล้ว ถามว่า  "ลุงเป็นคนพิการหรือ? " ผู้เฒ่าตอบว่า "ครับ".... พนักงานสาว "ลุงช่วยเอาบัตรคนพิการ"ให้หนูดูหน่อย ซิคะ ผู้เฒ่าเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว ผม...ผม...ผมไม่มีครับ ผมเลยขอซื้อเป็นตั๋วเด็กครับ ..... พนักงานสาว "ถ้าลุงไม่มีบัตรคนพิการ แล้วหนูจะรู้ได้ไงว่าลุงเป็นคนพิการล่ะ" ผู้เฒ่าก้มลงดึงขากางเกงขึ้นมา ถอดรองเท้าออก มันเป็นฝ่าเท้าที่มีแค่ครึ่งเดียว.... เธอหรี่ตาดูฝ่าเท้าที่เหลือเพียงครึ่งเดียว แล้วพูดว่า  "ถึงยังไง ลุงก็ต้องแสดงบัตรคนพิการให้หนูดูก่อน" ผู้เฒ่าขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่ยุ่งยากใจ ...  "ผมทำงานในโรงงาน เอกชน พอเกิดเรื่องขึ้น เถ้าแก่ก็หนีหายไป ผมไม่มีเงินเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล ก็เลยไม่มีสิทธิทำบัตรคนพิการครับ"... ขณะนั้น เป็นเวลาที่หัวหน้าผู้จัดการขบวนรถไฟ เดินผ่านมาพอดี พอถามต้นสายปลายเหตุแล้ว ได้พูดเสียงเข้ม ว่า "ผมต้องการดูแค่บัตรคนพิการ ไม่ดูที่คน ต้องมีบัตรคนพิการถึงเรียกว่าคนพิการ และใช้สิทธิคนพิการได้ ตอนนี้ คุณต้องซื้อตั๋วเพิ่มให้เป็นตั๋วผู้ใหญ่".... ผู้เฒ่า ถึงกับร้องไห้ออกมาแล้วพูดอ้อนวอนว่า "หลังจากฝ่าเท้าผมถูกเครื่องจักรตัดขาดไปแล้ว ผมก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีกพอไม่มีเงิน แม้ค่ารถกลับ บ้านก็จนปัญญา ตั๋วเด็กใบนี้ ก็ล้วนเป็นเงินที่เพื่อนๆที่ทำงาน ช่วยกันเรี่ยไรให้มา ขอวิงวอน ท่านทั้ง 2 กรุณา ให้ผมใช้ตั๋วนี้โดยสารกลับบ้านเถอะนะครับ ? " ผู้จัดการรถไฟ ยืนยันเสียงแข็งว่า "คุณต้องจ่ายเพิ่ม เพราะนี่เป็นระเบียบของการรถไฟ ยังไงผมก็ต้องทำตามระเบียบ ถ้าไม่จ่ายค่าตั๋วเพิ่ม สถานีหน้าเชิญคุณเตรียมลงจากรถได้" .... ขณะนั้น ตั่วเจ็ก(ชายวัยกลางคน) ที่นั่งอยู่ตรงข้ามผู้เฒ่าได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชาว่า "คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า" ผู้จัดการรถไฟขมวดคิ้วย่นเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ ตอบเสียงห้วนๆไปว่า "ถูกต้อง ผมเป็นผู้ชายครับ คุณมีปัญหาอะไรหรือ" ตั่วเจ็ก "ยังงั้นก็ช่วยเอาหนังสือรับรอง ยืนยันว่าคุณเป็นผู้ชายออกมาให้ทุกคนดูหน่อยซิ" คำพูดของตั่วเจ็กทำให้ ผู้โดยสารทุกคนถึงกับหัวเราะก๊ากออกมาอย่างขบขัน ผู้จัดการขบวนรถไฟโกรธจนหน้าเขียว "ผมเป็นผู้ชายทั้ง แท่ง ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ทำไมต้องใช้ใบรับรองด้วย" ตั่วเจ็กส่ายหัวแล้วพูดว่า "ผมก็เหมือนคุณนั่นแหละ อยากดูใบรับรอง ไม่อยากดูคน มีใบรับรองถึงเป็นผู้ชาย หากไม่มีก็ไม่ใช่ผู้ชาย" พนักงานตรวจตั๋วสาวรีบเถียงแทนผู้จัดการรถไฟ เธอพูดอย่างมั่นใจว่า "หนูไม่ใช่ผู้ชาย" มีปัญหามาเคลียร์กับหนู ได้เลย ! ตั่วเจ็กชี้ที่หน้านางแล้วพูดเสียงเย็นชาว่า "เธอไม่ใช่คน" ! พนักงานสาวโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง "แก แกพูดอะไรให้เกียรติกันบ้าง ถ้าหนูไม่ใช่คน แล้วหนู เป็นอะไร" ตั่วเจ็กหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "เธอเป็นคนหรือ ไหน ขอดูใบรับรองความเป็นคนของเธอหน่อย" ผู้ โดยสารต่างหัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้ง พนักงานสาวอับอายจนหน้าแดงกล่ำ รีบฉุดมือผู้จัดการเดินหายออกไปจากตู้นี้ทันที ตั่วเจ็ก นั่งลงแล้วเริ่มพูดคุยกับผู้เฒ่า ด้วยความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของผู้เฒ่า ก่อนลงรถ ตั่วเจ็กยังให้ เงินผู้เฒ่าไปอีก1,000 หยวน...ผู้เฒ่าปฏิเสธ ...แต่สุดท้ายก็รับใว้ และกล่าวขอบคุณ ตั่วเจ็ก พร้อมๆกับคำอวยพรตั่วเจ็กและน้ำตาที่ไหลออกมานองหน้า ... "มนุษย์" ต่างกับสัตว์ทุกชนิดตรงที่ "มนุษย์มีความเมตตากรุณาอยู่ในจิตใจ" เมื่อ "มนุษย์เห็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ตกระกำลำบาก มนุษย์ที่เป็นมนุษย์จริงๆ ก็มักจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ อาจ จะช่วยได้เพียงคำพูดที่ปลอบประโลม หรืออาจจะด้วยปัจจัยเล็กๆน้อยๆเท่าที่พอจะช่วยได้.... มันเป็นความงดงามของสังคม และเป็นพื้นฐานของประเทศ ที่ใช้เป็นนโยบายพัฒนาชาติให้เจริญยิ่งๆขึ้นต่อไป แปล และเรียบเรียงโดย เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง ⻩黄振炎 7/7/2018”