การเชื่อมโยงการจัดการฐานข้อมูลสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อพัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิตของสมาชิก และการทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเชื่อมโยงการจัดการฐานข้อมูลสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ขึ้น ระหว่างดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานครั้งนี้ เพื่อร่วมกันดำเนินการสร้าฐานข้อมูลในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะดูแลเรื่องทะเบียน ระเบียบ ข้อบังคับ การพัฒนาความเข้มแข็งในภาพรวมของสหกรณ์ ซึ่งกรมฯ มีฐานข้อมูลเรื่องความเข้มแข็ง มาตรฐานสหกรณ์ ข้อมูลสมาชิก รวมทั้งข้อมูลการดำเนินงานร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และธ.ก.ส.ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานได้มาหลอมร่วมฐานข้อมูล ให้เป็นฐานข้อมูลในการเชื่อมโยง เพื่อมุ่งพัฒนาสมาชิกสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร พร้อมใช้เป็นเครื่องมือ และกลไกที่แข็งแรง สร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ในการพัฒนาตนเอง และส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิกต่อไป “การเชื่อมโยงการจัดการฐานข้อมูล จะสามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้กับสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร คือ การทราบข้อมูลสถานะของสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความเข้มแข็ง เนื่องจากสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรในแต่ละแห่ง มีสถานะความเข้มแข็งไม่เท่ากัน อาทิ ความต้องการเงินทุน การดูแลและการควบคุมภายในที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการสร้างข้อมูลให้เป็นข้อมูลที่มีความเข้มแข็ง ในการวิเคราะห์สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร ได้ถูกต้อง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าไปส่งเสริม พัฒนาสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร ได้ตรงจุด ตามสถานการณ์ที่ต้องการขอรับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ด้าน นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้มีความเห็นร่วมกันในการเชื่อมโยงการจัดการฐานข้อมูลสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อบูรณาการข้อมูลในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผ่านกระบวนการสหกรณ์ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง และเกิดประโยชน์สูงสุด จากความร่วมมือดังกล่าว กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะให้การสนับสนุนในด้านข้อมูลสารสนเทศทางการเงินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ประกอบด้วย งบแสดงฐานะทางการเงิน งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด รวมทั้งข้อมูลการจัดชั้นคุณภาพการควบคุมภายในและอัตราส่วนทางการเงินเฉลี่ย (Peer Group) นอกจากนี้ ยังสนับสนุนทางด้านวิชาการ แนะนำให้คำปรึกษาการพัฒนาและเชื่อมโยงข้อมูล โดยทั้ง 3หน่วยงาน จะได้ร่วมกันกำหนดความต้องการข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญและจำเป็นของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อเป็นการพัฒนาความเข้มแข็งแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรต่อไป ขณะที่ นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า ในปีบัญชี 2560 ธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายสนับสนุนสินเชื่อผ่านสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีศักยภาพ วงเงิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของสมาชิก การทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เทคโนโลยีและพัฒนาฐานข้อมูล โดยร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ในการพัฒนาสร้างความเข้มแข็งให้กับกระบวนการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั้งระบบ มุ่งเน้นการพัฒนาองค์กร บุคลากร ระบบงาน สมาชิกของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เน้นกลยุทธ์พัฒนานำ อำนวยสินเชื่อตาม สร้างความเข้มแข็ง ตรวจสอบได้ พร้อมออกแบบผลิตภัณฑ์รองรับให้ตรงกับความต้องการ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ