เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ก.ค.62 ชาวบ้านจาก 15 หมู่บ้าน ในต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณป่าชุมชน หมู่ 1 บ้านรางอาว ต.รางบัว อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมกับป้ายข้อความ ขอคืนผืนป่าชุมชนของชาวบ้าน เพื่อเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยได้คืนพื้นที่ป่าชุมชนที่ชาวบ้านเคยใช้ประโยชน์มานานแล้ว หลังมหาวิทยาลัยได้มาขอใช้พื้นที่ในการก่อสร้างมหาวิทยาลัย ในฝั่งตรงข้าม ส่วนที่เป็นป่าชุมชนนั้นทางมหาวิทยาลัยได้มาก่อสร้างสนามฟุตบอล และทำถนนลาดยางเข้าไปในพื้นที่ และชาวบ้านก็อ้างว่าเวลาเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ก็จะถูกทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยกีดกันไม่ให้เข้าไป ชาวบ้านบางคนที่จะต้องใช้เส้นทางสายนี้เข้าไปยังพื้นที่ทำนาและทำการเกษตร ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องอ้อมไปใช้เส้นทางอื่น ซึ่งไกลว่าเดิม ทำให้ลำบากและมีต้นทุนเพิ่ม โดยนางสาวนิษารักษ์ ทำแท้ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/4 หมู่ 3 ต.รางบัว ก็บอกว่า เดิมเคยเข้ามาเห็ด มาหาหน่อไม้ในพื้นที่ซึ่งทำกันเป็นประจำอย่างนี้ทุกปี แต่พอทางมหาวิทยาลัยมาก่อสร้าง ก็มีการสั่งห้ามเข้าในพื้นที่ ทั้งที่ผืนป่าแห่งนี้เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านได้ช่วยกันดูแลและรักษาให้คงสภาพพื้นที่ป่ามานานหลายชั่วอายุคน จึงอยากจะทราบว่าเพราะอะไรถึงมีการสั่งห้ามเข้าพื้นที่ และที่มาวันนี้ก็เพื่อมาขอพื้นที่ป่าของชาวบ้านคืน ส่วนที่เป็นตัวมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นก็ปล่อยเขาไป ด้านนางสาวเตือนใจ มิอะ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 2 ต.รางบัว ก็บอกว่าที่ชาวบ้านมารวมตัววันนี้ไม่ได้คิดจะมากลั่นแกล้งกัน วันนี้แค่มาแสดงจุดยืนว่าชาวตำบลรางบัวต้องการผืนป่าชุมชนคืน ซึ่งเดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เป็นพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์ แต่เมื่อปี พ.ศ.2539 ได้มีมหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้ามาขอใช้พื้นที่ในการก่อสร้างตัวมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นวิทยาเขตราชบุรี ในพื้นที่กว่า 1000 ไร่ โดยแบ่งเป็นสองฝั่งๆละ500 ไร่ ชาวบ้านก็ยินยอมให้เพราะคิดว่าจะมาสร้างความเจริญให้ แต่พอชาวบ้านจะเข้ามาก็ถูกกีดกัน ไม่ให้เข้าไป ชาวบ้านจึงจะขอคืนพื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับตัวมหาวิทยาลัยประมาณ 500 ไร่ เพื่อนำกลับมาพัฒนาฟื้นฟู ดูแลให้เป็นป่าชุมชนของชาวบ้านเหมือนเดิม ส่วนนายสำเริง ชาวไร่เหนือ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/2 หมู่ 3 ต.รางบัว ก็บอกว่าตนมีอยู่ 5 ไร่ ซึ่งอยู่ด้านหลังป่าชุมชนแห่งนี้ และจะใช้เส้นทางนี้ผ่านไปยังผืนนาของตนเอง แต่พอมหาวิทยาลัยมาสร้าง ก็มีการห้ามผ่าน ทำให้ต้องใช้เส้นทางอื่น ซึ่งมีระยะทางไกลออกไป ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น จึงอยากจะขอให้เปิดเส้นทางให้ชาวบ้านได้สัณจนผ่านเหมือนเดิม หรือขอให้คืนผืนป่าชุมชน ต่อมา พ.ต.อ.พายัพ สมบูรณ์ ผกก.สภ.จอมบึง ได้เดินทางมารับหนังสือ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องจากชาวบ้าน โดยมีนายพรชัย ลิขิตทิพยเนตร อายุ 61 ปี เป็นตัวแทนชาวบ้านในการยื่นหนังสือในครั้งนี้ โดยพ.ต.อ.พายัพ ก็บอกว่าจะเป็นคนกลางในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมานั่งพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยมีการนัดหมายภายในวันที่ 25 ก.ค.62 ที่อบต.รางบัว ทำให้ชาวบ้านพอใจก่อนจะแยกย้ายกันกลับ