วันที่ 19 ก.ค. ที่ห้องประชุมชั้น 9 กระทรวงยุติธรรมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมว่า วันนี้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวง เพื่อรับฟังการดำเนินงานของกระทรวง ต้องยอมรับว่ากระทรวงยุติธรรมมีโครงข่ายที่สมบูรณ์แบบ หากเราใช้ทรัพยากรที่มีอย่างเต็มที่ มั่นใจว่าจะมีผลงานเชิงประจักษ์มากขึ้น แต่ในส่วนของกฎหมายและระเบียบกระทรวงอาจจะต้องมีการปรับปรุงบางส่วน เช่น ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ต้องขัง 3 แสนคน ส่วนใหญ่กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้เรือนนอนแออัดรองรับผู้ต้องขังในพื้นที่ 1.4 ตร.ม.ต่อคน ขณะที่ตามเกณฑ์สากลกำหนดไว้ 2.5 ตร.ม.ต่อคน ดังนั้น อาจต้องมีการสร้างเรือนจำหรือใช้วิธีบริหารจัดการอื่นๆ ให้เพียงพอต่อผู้ต้องขัง แต่ต้องรอให้มีการแถลงนโยบายก่อนจึงจะได้พูดคุยและมอบนโยบายให้ผู้บริหารรับไปปรับปรุงงานให้เกิดประโยชน์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตนจะไม่เคยผ่านการเป็นรัฐมนตรีด้านกฎหมาย แต่การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคือเข้ามาเป็นผู้บริหารจะสนใจแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรให้มีผลงานออกมาเป็นที่ต้องการของประชาชน ซึ่งมั่นใจว่าไม่น่ายากจนเกินไป เพราะสามารถเรียนรู้ได้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสโอนย้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีกรณีดังกล่าว ทุกหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรมจะอยู่ที่เดิม ในส่วนของดีเอสไอยังคงเป็นการบริหารในรูปแบบเดิม คือ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบหรือกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม รวมถึงดีเอสไอ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในโลกออนไลน์มีการนำภาพสมัยท่านเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายมาเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งมีข้อกังวล เนื่องในเรื่องคดีความที่ดีเอสไอ ดำเนินการติดตามผู้ต้องหา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เอาไว้ตอบวันหลัง เดี๋ยวประเด็นมันปนกันวันนี้ข่าวเยอะ เมื่อถามอีกว่า แต่พระในวัดเป็นผู้ต้องหาในคดีของดีเอสไอ นายสมศักดิ์ กล่าวสั้นๆว่า ไม่ต้องห่วง ผิดติดคุกหมด ไม่เว้นให้ใครทุก อย่างเป็นไปตามกฎหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประชุมรับฟังบทบาทภารกิจของกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ ได้ออกมาพบปะกับบรรดานักการเมืองที่เดินทางมาแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่กันอย่างคับคั่ง จากนั้นได้เข้าไปรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และส.ส.ในกลุ่มสามมิตร