จับครบแล้ว 4 คนทีมราดน้ำมันเผาทั้งเป็นของพ่อแตมรณภาพคากุฏิที่จังหวัดบึงกาฬ หลังก่อเหตุหลบหนีไปที่บ้านเกิด ถูกชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.สส.ภ.4 ตามจับได้สารภาพสิ้นอดีตพระบัญชาเป็นผู้สั่งการทั้งหมดตนเป็นเพียงผู้ทำตามเท่านั้น เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (18 ก.ค.62) พ.ต.ท ภควัฒน์ บงแก้ว รอง ผกก.สอบสวน สภ.โซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ได้ควบคุมตัวอดีตพระบุญศรี สุภารัตน์ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 21/1หมู่ที่ 6 ตำบลหนองปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 คนทีมจุดไฟเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตหรือพระสมจิต ขันติธโร หรือเกิดทรัพย์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบึงกาฬ หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 3 ราย ชาวบ้าน 2 คนกับพระอีก 1 รูปรวมครบ 4 คนทีมฆาตกรรมเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตที่มี 1.อดีตพระบัญชาหรือนายบัญชา จันทร์คำ อายุ 37 ปี 2.นายทนงศักดิ์ โสกแก้ว อายุ 43 ปี และ3.นายสมุทร์ วันอุบล อายุ 67 ปีซึ่งเป็นชาว จ.ศรีสะเกษ ทั้ง 3 คนรวมเป็น 4 คนครบตามคำให้การและซัดทอดของจำเลย อดีตพระบุญศรี สุภารัตน์ ผู้ต้องหารายที่ 4 ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแฉแหลกก่อนลงมือนำผ้าเหลืองชุบน้ำมันราดเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตว่า ตนเคยมาบวชศึกษาหาความรู้อยู่กับหลวงพ่อแตเมื่อประมาณหลายปีก่อน ขณะที่บวชอยู่ที่นี่ก็ถูกผู้ตายชอบพูดจาดูถูกเหยียดหยามดุด่า จึงเก็บความแค้นไว้ในใจ ก่อนจะมาก่อกรรมชั่วในครั้งนี้ อดีตพระบัญชาจำเลยที่ถูกจับมาก่อนเป็นญาติกันและอยู่บ้านเดียวกันได้มาชักชวนว่าให้มาสั่งสอนหลวงพ่อแตช่วยหน่อย ตนมีความหลังที่เจ็บแค้นอยู่ในใจอยู่แล้วจึงตัดสินใจมาช่วย โดยอดีตพระบัญชาได้ออกอุบายว่าจ้างให้นายสมุทร วันอุบล อายุ 57 ปีเจ้าของรถ กระบะมิตซูบิชิสีบรอนซ์ ทะเบียน ตต 9245 กรุงเทพฯมหานคร อ้างว่าจะพาไปขนต้นเทียนเข้าพรรษาที่กรุงเทพฯ แต่ขอให้พามาธุระที่จังหวัดบึงกาฬเสียก่อนจึงย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ อดีตพระบุญศรีเล่าต่อไปว่าขณะที่เดินทางมาถึงจังหวัดบึงกาฬประมาณบ่าย 4 โมงวันที่ 5 ก.ค.ได้พากันไปนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอปากคาด เพื่อวางแผนฆาตกรรมโหด เมื่อประมาณเที่ยงคืนวันที่ 5 ก.ค.อดีตพระบัญชาได้ซื้อสุราขาวขวดเล็กมาให้ตนเองดื่มย้อมใจเสียก่อน จากนั้นจึงได้เปลี่ยนสบงจีวรเป็นเสื้อผ้าชุดลายพรางทหารทั้งสองคนออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่สำนักปฏิบัติธรรมพระประเสริฐเกิดทรัพย์ บ้านโพนทอง ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย เมื่อรถมาถึงปากทางเข้าสำนักสงฆ์ประมาณเวลาเกือบตี 1 ของวันที่ 6 ก.ค อดีตพระบัญชาสั่งให้หยุดรถโดยให้นายทนงศักดิ์และนายสมุทร์ นั่งรอในรถส่วนพวกตนได้ถือเอาแกลลอนน้ำมันคนละ 2 แกลลอนเดินถือไปที่กุฎีหลวงพ่อแตที่นอนหลับอยู่ เมื่อไปถึงอดีตพระบัญชาสั่งให้ตนทุบกระจกบานหน้าต่าง ด้วยความมึนเมาสุราขาวตนจึงใช้กำปั้นทุบกระจกบานหน้าต่างจนแตก ทำให้นิ้วโป้งด้านขวาถูกกระจกบาดเป็นแผลเลือดไหล จากนั้นจึงพากันเอาน้ำมันซึ่งมีทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันก๊าดชุบผ้าเหลืองที่เตรียมมามัดใส่ไม้ไผ่โยนเข้าไปทางช่องหน้าต่างที่ทุบแตกเข้าไปภายในห้องนอนของหลวงพ่อแต ซึ่งก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้วยความตกใจอยู่ จึงได้โยนผ้าชุบน้ำมันเข้าไปซ้ำอีก 1 ไม้พร้อมทั้งแกลลอนน้ำมันสาดเข้าไปเพิ่ม หวังเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแต ตนนอกจากถูกกระจกบาดที่นิ้วมือแล้วก็ยังมีหมวกใส่คลุมปิดใบหน้าถูกไฟไหม้ไปด้วย จึงได้ถอดโยนทิ้งในที่ข้างกุฎีเกิดเหตุ จากนั้นก็พากันวิ่งไปขึ้นรถที่นายสมุทร์จอดรออยู่ทำให้มีเสียงสุนัขบ้านที่อยู่ปากทางใกล้รถจอดเห่าหอน แล้วเข้าไปที่กรุงเทพฯ เพื่อไปเอาต้นเทียนพรรษาแล้วก็กลับมาที่บ้านจังหวัดศรีสะเกษ รอฟังข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อแตจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับได้ดังกล่าว ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.โซ่พิสัย กล่าวว่าถือเป็นการปิดคดีฆาตกรรมเผาทั้งเป็นหลวงพ่อแตได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะได้ผู้ต้องหาครบทั้ง 4 คนตามแนวทางการสืบสวนสอบสวน รู้แต่ครั้งแรกว่าเป็นการขัดผลประโยชน์ แต่ที่ใส่ประเด็นชู้สาวกับเรื่องเงินกู้เข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ก็เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้คนร้ายไหวตัวเท่านั้น จึงขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาและทีมงานสืบสวนสอบสวนที่ช่วยกันจัดการคดีให้เรียบร้อยไม่ถึง 10 วันหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นคดีสะเทือนทั้งขวัญและสะเทือนทั้งใจของพี่น้องชาวพุทธในวันเข้าพรรษาที่ได้เห็นและได้ยินข่าวพระฆ่าพระด้วยกัน และเมื่อวานนี้หลังจากตามจับตัวอดีตพระบุญศรี ผู้ต้องหาคนที่ 4 มาได้ก็ทำการสอบสวนทันที ซึ่งผู้ต้องหาก็ยอมรับสารภาพทุกอย่าง จึงพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทันทีในที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันชาวบ้านมามุงดูแล้วเกิดอารมณ์เคียดแค้นเข้ารุมประชาทัณฑ์เหมือนอย่างวันแรกที่นำ 3 ผู้ต้องหาไปทำแผนก่อนนี้.