"มท.1" สักการะสิ่งศักดิ์ในโอกาสเข้าทำงานวันแรก ก่อนร่วมประชุมรัฐมนตรีช่วย - พ่อเมืองทั่วประเทศ ยัน ไร้ปัญหาทำงานร่วมกับนักการเมือง พร้อมให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 18 ก.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นสมัยที่ 2 ทั้งนี้ ได้สักการะศาลพระภูมิศาล ศาลพระกาฬไชยศรี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตามลำดับ ตามมาด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ก็ได้เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ จากนั้นในเวลา08.45น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ได้เดินทางมาถึง พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯด้วยเช่นกัน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง อธิบดีทุกกรมในสังกัด และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแล นำโดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รอให้การต้อนรับ จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 คน ว่า การจัดสรรแบ่งงานจะพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการก่อน ส่วนการแบ่งงานอย่างเป็นทางการจะหารืออีกครั้งหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ตนได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คนบ้างแล้ว ยอมรับว่าขณะนี้คำแถลงนโยบายรัฐบาลจะบรรยายสภาพแวดล้อมทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ปากท้องของประชาชนที่ยังยากลำบากอยู่ เนื่องจากเป็นผลกระทบจากต่างประเทส เราต้องเร่งดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน “หากพรรคการเมืองมีข้อมูล หรือรัฐมนตรีมีประสบการณ์ ก็จะนำมาพูดคุยกันทำให้เป็นนโยบายของกระทรวงให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จะไม่มีความขัดแย้งกัน จะไม่แบ่งกระทรวงเป็นเสี้ยวๆ เราพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นนโยบายภายในกระทรวงก็ทำได้ทันที แต่ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องให้รัฐบาลเห็นชอบ ผมก็จะไปนำเรียนนายกฯ ส่วนการทำงานร่วมกับนักการเมืองจะต้องปรับตัวหรือไม่นั้น ผมเป็นคนที่มีความอ่อนตัวพอสมควร คงไม่มีปัญหา ทำงานร่วมกับใครก็ได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เมื่อถามว่า การตรวจสอบจากฝ่ายค้านจะเข้มข้นขึ้นต้องกำชับเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีอย่างมากในระบอบประชาธิปไตยผู้ใช้อำนาจต้องถูกตรวจสอบและถ่วงดุล ทั้งในเรื่องความโปร่งใส แผนงานโครงการต้องมีการติติงกัน ถ้าเป็นในลักษณะนี้ คนที่ได้ประโยชน์คือประเทศชาติและประชาชน สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าดีไม่ดีอย่างไร เท่ากับว่าเติมเต็มให้กันและกัน มีคนคอยร่วมพิจารณาให้ข้อเสนอแนะก็คงจะดี และไม่คิดว่าจะทำให้การทำงานของรัฐบาลยากขึ้น เพราะฝ่ายบริหารใช้อำนาจไปทุกหย่อมหญ้าทั้งประเทศ ถ้ามีฝ่ายการเมืองช่วยตรวจสอบและถ่วงดุลก็ทำให้เกิดประโยชน์ พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงการเปิดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึง รอให้เข้าทำงานอีกนิดจะมีความชัดเจนว่าจะมีการเปิดให้เลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อใด หรือเลือกแบบใดก่อน