เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.62) ที่มูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี ประชาชนหลายร้อยคนทั้งในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดต่างๆซึ่งป่วยเป็นโรคไมเกรนได้เดินทางมารับการแจกน้ำมันกัญชา Daycha Oil โดยก่อนการแจกได้มีการให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ ซึ่งนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าวว่าขณะนี้ตำรับน้ำมันกัญชาสูตร Daycha Oil ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 2 ชุดแล้วแต่ยังติดอยู่อีกชุดหนึ่งเนื่องจากกัญชายังอยู่ในบัญชียาเสพติด ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีองค์การอาหารและยา(อย.)เป็นกรรมการ โดยจะมีการประชุมกันในวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ ซึ่งผ่านมาแล้วหลายเดือนทำให้มีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่มาขึ้นทะเบียนไว้เสียชีวิตไปแล้ว 60 คน ดังนั้นจึงไม่อาจรอต่อไปได้อีก “จะผ่านที่การพิจารณาหรือไม่ เราก็ไม่รู้ แต่เรารอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว หากเจ้าหน้าที่มาจับก็จับเลย คนที่จับคืออย.ไม่ใช่ปปส.เหมือนครั้งก่อน ผมรู้ว่าการแจกครั้งนี้มันยังผิดกฎหมายเพราะอยู่ในบัญชียาเสพติด แต่คนป่วยรอไม่ไหวแล้ว ที่เราแจกคนที่เป็นไมเกรนก่อนเพราะเชื่อมั่นว่า รักษาโรคนี้ได้ 100 % เราเคยแจกให้ผู้ป่วยหลายร้อยคนที่เป็นไมเกรน พวกเขาต่างก็หายภายใน 2 เดือน”นายเดชากล่าว นายเดชากล่าวว่า เดิมทีการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคไมเกรนคือให้กินก่อนนอนอย่างเดียวเพื่อให้หลับลึกและร่างกายซ่อมแซมตัวเอง แต่ตอนหลังใช้อมหรือหยดใต้ลิ้น ล่าสุดคือหยอดเข้าไปในหูซึ่งที่ปวดหัวซึ่งจะช่วยระงับอาการปวดได้เร็ว หากใช้แค่ให้หายปวดก็ยังต้องใช้เรื่อยๆ แต่ถ้ากินแล้วหลับลึกอาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายขาด บางคนเป็นมาเกรนมา 30 ปี แพทย์รักษาไม่หาย แต่น้ำมันกัญชากลับรักษาได้ ดังนั้นเราจึงอยากบอกให้โลกรู้ว่ากัญชารักษาโรคนี้ได้และกัญชาก็ไม่ใช่ยาเสพติด “แม้ตอนนี้มันจะผิดกฎหมาย แต่ผมไม่ได้ทำผิดศีลธรรม เพราะผมรักษาผู้ป่วยให้หายจากโรค ผมไม่ได้เก็บเงินเขาเลย ในเมื่อพวกคุณรักษาไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะหวงผู้ป่วยเหล่านี้ไว้ทำไม ถ้าวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ คุณไม่รับรองตำรับของเรา คุณก็ต้องมาจับผม ถ้าไม่จับผมจะฟ้องพวกคุณด้วย”นายเดชากล่าว หลังจากนายเดชาพูดจบ คณะวิทยากรได้แนะนำการใช้น้ำมันกัญชา นอกจากนี้ยังได้ให้ผู้ป่วยที่เคยเป็นไมเกรนมาบอกเล่าประสบการณ์การใช้น้ำมันกัญชารักษาโรค นางวิภาดา สาระบิล อายุ 56 ปี ชาวกทม.อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคไมเกรนมากว่า 20 ปี เนื่องจากมีความเครียดจากการทำงาน และอาการปวดหัวหนักขึ้นเรื่อยๆจนอาเจียนและต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งโดยแพทย์บอกว่าปลายประสาทอักเสบ ซึ่งตนปวดหัวเรื้อรัง เมื่อมีใครแนะนำให้ใช้ยาสมุนไพร หรือหมอฝังเข็มก็ไปหมด แต่ก็ไม่หาย จนทำให้ชีวิตเสียโอกาสที่ต้องดูแลสามีและลูก “บางครั้งปวดจนขมับแทบทะลุและต้องเสียเงินเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ จนในที่สุดมาใช้น้ำมันกัญชา Daycha Oil เมื่อ 7 เดือนก่อน อาการค่อยๆดีขึ้น เริ่มจากกินที่บรรจุในแคปซูลก่อนนอนครั้งละ 1 เม็ด ทำให้นอนหลับและตื่นขึ้นมาสดชื่น เวลาปวดมากๆก็ใช้หยอดหู จนเดี๋ยวนี้อาการป่วยหายแล้ว ดิฉันการันตีได้เลยว่าน้ำมันกัญชาสูตรนี้ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไมเกรนได้แน่นอน”นางวิภาดา กล่าว ทั้งนี้ภายหลังจากการแนะนำผู้ป่วยและแนะนำการจดบันทึกข้อมูลลงในสมุดบันทึก ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับแจกน้ำมันกัญชาจากนายเดชา นายเดชาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการนัดกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ในวันที่ 21 กรกฎาคม ว่าคงได้หารือในเรื่องของนโยบายกัญชา ซึ่งมีทั้งที่ตรงกันและไม่ตรงกัน แต่จะหยิบยกเรื่องที่ตรงกันมาคุยกันก่อนโดยเฉพาะการผลักดันกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ส่วนเรื่องการใช้กัญชาเป็นสันทนาการนั้น ตนเห็นว่ายังเร็วไป ควรทำให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติดก่อน และเป็นพืชควบคุม หลังจากนั้นอีก 10 ปีค่อยว่ากันเหมือนกับรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐฯ “ตอนนี้คุณแอ๊ด คาราบาว (นายยืนยง โอภากุล) ก็สร้างพระเครื่องระดมทุนให้ เป็นพระมเหศวร รุ่นช้างป่าต้น น่าจะได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท เขาอยากช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วประเทศ”ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ กล่าว