เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.วิระ โรจนวาศ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เกี่ยวกับแนวทางและขั้นตอนต่างๆหลังทราบผลประชามติอย่างไม่เป็นทางการว่า เมื่อหารือกับคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระบวนการต่างๆรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะเสนอต่อที่ประชุมร่วม ครม. - คสช. ในวันพรุ่งนี้ (9ส.ค.) วันนี้จึงไม่จำเป็นต้องหารือกับนายกฯ ในเรื่องดังกล่าวอีก ทุกฝ่ายทราบดีว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ ใครอยู่ถึงเมื่อไหร่ และอะไรบางอย่างที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่อาจทำไม่ได้เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องปรับตัว ส่วนรายละเอียดกระบวนการและระยะเวลา อาจเปิดเผยให้ประชาชนทราบหลังการประชุมร่วมในวันที่ 9 ส.ค.ได้ ขณะนี้เราพอทราบตัวเลขผลคะแนนแบบภาพรวมอย่างไม่เป็นทางการมาแล้ว แต่ก็ยังต้องรอผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน แต่เบื้องต้น กกต. ได้รายงานเข้ามาให้ทราบว่า มีคนออกมาใช้สิทธิ์เกือบร้อยละ 60 ซึ่งเมื่อเทียบกับการทำประชามติของอังกฤษ ที่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ ร้อยละ 70 หรือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มีคนออกมาประมาณ ร้อยละ50 ของจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ ของเราถือว่าน่าพอใจ ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรกับผลประชามติที่ออก จะสามารถสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนก็หวังเช่นเดียวกับที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ได้พูดไว้ หวังว่าทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไปได้ รัฐบาลคงไม่แปลหรือตีความอะไรทั้งนั้น ในเมื่อผลประชามติออกมาเช่นนี้เราก็ต้องเดินต่อไปให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจ เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่การเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2561 เนื่องจากยังมีขั้นตอนต่างๆอีกจำนวนมาก นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าใช้กำหนดเวลาเต็มที่ตามที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็ไม่เกินปี 2560 อยู่แล้ว แต่ความเป็นจริงอย่างกรธ. ที่มีหน้าที่ต้องปรับร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงในเวลา 30 วัน จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญที่มีเวลาพิจารณา 30 วัน รวมถึงการออกกฎหมายลูกที่มีเวลาร่าง 8 เดือน ทั้ง 10 ฉบับ หากทำ 4 ฉบับที่จำเป็นสำหรับเลือกตั้งก่อน รวมถึงการให้ สนช. พิจารณากฎหมายดังกล่าว ที่มีกำหนดพิจารณาภายใน 60 วัน ทุกขั้นตอนก็อาจไม่ต้องใช้เวลาทั้งหมด ดังนั้นเมื่อทุกอย่างระยะเวลาสั้นลงก็ไปสู้เป้าหมายเลือกตั้งปี 60 ได้ ไม่สามารถพูดเป็นอย่างอื่น ทุกอย่างเป็นตามโรดแมป เมื่อถามย้ำว่า เหตุใดนายมีชัย ถึงพูดว่าอาจขยายเวลาเลือกตั้งช่วงต้นปี 2561 จนทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวล นายวิษณุ กล่าวว่า “มีอะไรบางอย่างที่เราอาจทำของเราจนสุดแล้ว แต่ก็เหนือกระบวนการที่เราจะควบคุม ก็ต้องบวกลบเผื่อเวลา แต่ถ้าเราทำให้เร็ว การบวกลบเวลาก็ไม่ควรจะเผื่อไปยาวกว่าปี 60 ถ้าเราเสร็จทุกอย่างเรื่องของเราจบแล้ว เป็นเรื่องของคนอื่น แต่มันยันไปถึงช่วงปลายปี 60 เราก็ต้องรักษาคำพูด แต่เมื่อเอาอย่างอื่นมาเผื่อเข้าไป มันก็อาจจะต้องเกิน แต่ถ้าเราทำให้มันเร็วเสีย เผื่ออย่างไรก็ไม่เกิน ผมก็อยากให้มันเร็ว พูดวันนี้ก็ยังเลือกตั้งในปี 60 ก็ไม่เห็นจะต้องมีปัญหาอะไร นายกฯ ก็พูดแล้วว่าไม่สืบทอดอำนาจและเลือกตั้งในปี60” เมื่อถามว่า บรรยากาศบ้านเมืองขณะนี้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลและคสช. ถือเป็นสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งบางคนก็ไม่ถึงขนาดอยู่ตรงข้ามรัฐบาลและคสช. ก็มีความเห็นไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ มีด้วยหลายเหตุผล แต่บังเอิญไม่ได้เอาเหตุผลเหล่านั้นออกมาเผยแพร่ว่ามันคืออะไร เลยได้แต่เดา ซึ่งโดยมากมักเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง และคิดว่าคนอื่นจะคิดแบบนั้น ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิด ส่วนที่บางฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองนั้น ต้องดูอีกที ตนไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะยังไม่ได้คิดอะไรในเรื่องนี้ และตนก็ไม่ได้มีอำนาจในเรื่องดังกล่าว