เด้ง “ณัฏฐ์” รองเลขาฯ กกต.ไปเป็น ผอ.สถาบันฯ เหตุเลือกตั้งผิดพลาดหลายอย่าง มีผล 22 ก.ค.นี้ อึ้งย้ายครั้งนี้เหมือนลดตำแหน่งเพราะ ผอ.สถาบันพัฒนาพรรคการเมืองศักดิ์ต่ำกว่า รองเลขาฯ วันที่ 16 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 15 ก.ค. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงาน กกต. เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานประเภทบริหารระดับสูง และคำสั่งเรื่องมอบอำนาจของ เลขาธิการ กกต. ให้รองเลขาธิการ กกต.และผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่แทน และได้มีหนังสือแจ้งคำสั่งทั้ง 2 ฉบับไปยังสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัดทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครแล้ว โดยให้คำสั่งดังกล่าว มีผลนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจของคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ คือการปรับย้ายนายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต.ที่รับผิดชอบงานการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง แล้วเลื่อนตำแหน่ง นายไพบูลย์ เหล็กพรหม ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ขึ้นดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต.รับผิดชอบงานด้านการมีส่วนร่วมฯ โดยให้นายเมธา ศิลาพันธ์รองเลขาธิการ กกต.ที่รับผิดชอบงานด้านการมีส่วนร่วมฯไปรับผิดชอบงาน ด้านบริหารการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติแทน ทั้งนี้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา กกต. ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้ง ตั้งแต่การแบ่งเขตเลือกตั้งการกำหนดวันเลือกตั้ง ว่าเอื้อประโยชน์ต่อคสช. และพรรคพลังประชารัฐ การจัดส่งบัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์มาไม่ทัน จนไม่สามารถนับเป็นคะแนนได้ ความผิดพลาดในระบบการรายงานผลการนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลคะแนนการเลือกตั้ง หรือสูตรการคิดคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ค้านสายตาประชาชน รวมถึงการไม่สามารถ ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและเชื่อมั่นในการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ได้ ซึ่งภารกิจเหล่านี้ขณะนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของนายณัฏฐ์ และมีการคาดการณ์ว่าหลังการเลือกตั้งอาจมีการย้ายนายณัฏฐ์พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว แต่ที่ทำให้การปรับย้ายครั้งนี้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงาน เจ้าหน้าที่ กกต ว่าสำนักงานอาจดำเนินการไม่ถูกต้อง เนื่องจากเห็นว่า แม้ตำแหน่ง ผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งจะมีชื่ออยู่ในระนาบเดียวกับตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต. คือบริหารระดับสูงแต่ก็เป็นตำแหน่งเทียบเท่า ที่รู้กันว่ามีศักดิ์ต่ำกว่ารองเลขาธิการ กกต. โดยในอดีตที่เคยปฏิบัติหากมีการปรับย้ายรองเลขาธิการ กกต. จะเป็นการเลื่อนขึ้นตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ปัจจุบันตำแหน่งดังกล่าวตามระเบียบบริหารงานบุคคลของสำนักงาน กกต. ปี 2561 ถูกกำหนดเป็นตำแหน่งวิชาการที่ยังไม่มีการออกหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า กกต. มีแนวความคิดที่จะให้สำนักงานเปิดตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักงานขึ้นมารองรับ แต่สำนักงานฯยังเห็นว่าอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมายไม่รองรับและงบประมาณไม่เพียงพอ จึงยังไม่มีการดำเนินการ อย่างไรก็ตามใน กกต.ชุดที่แล้วเมื่อปี 2561 ที่มีการเลื่อนตำแหน่งนายกฤช เอื้อวงศ์ จาก ผอ. สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งขณะนั้นขึ้นดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต. โดยไม่ผ่านกระบวนการสมัครสอบคัดเลือก ก็เกิดการร้องเรียน ว่าตำแหน่ง ผอ.สถาบันฯเป็นแค่ตำแหน่งเทียบเท่า ไม่ใช่ตำแหน่งบริหารที่มีศักดิ์เท่ารองเลขาธิการ ซึ่งพนักงาน กกต.ส่วนมากก็เห็นด้วยกับข้อร้องเรียนดังกล่าว รวมทั้งเห็นว่าเมื่อนายกฤช เลื่อนขั้นเป็นรองเลขาธิการกกต.แล้ว การที่คำสั่งสำนักงาน กกต.ให้นายกฤช เป็นรองเลขาธิการ ที่อยู่ในลำดับอาวุโสน้อยกว่า นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ที่รับผิดชอบงานพรรคการเมือง ก็เท่ากับสำนักงานฯ ยอมรับอยู่ในทีแล้วว่า ทั้งสองตำแหน่งไม่ใช่ตำแหน่งบริหารที่มีศักดิ์เท่ากัน โดยตำแหน่ง ผอ.สถาบันมีศักดิ์ต่ำกว่า มิฉะนั้นแล้ว คำสั่งสำนักงาน ต้องให้นายกฤชเป็นรองเลขาฯที่อยู่ในลำดับอาวุโสสูงกว่านายแสวง เพราะนายกฤช ขึ้นตำแหน่ง ผอ.สถาบันฯก่อนนายแสวงเข้าสู่ตำแหน่งรองเลขาฯ ทำให้ การปรับย้ายนายณัฏฐ์ จากรองเลขาธิการ กกต.มาเป็น ผอ.สำนักพัฒนาการเมือง จึงถูกมองเป็นการลดชั้นและเป็นการลงโทษกรณีผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากวันนี้ (16 ก.ค.) เป็นวันหยุด พบว่า พนักงานของสำนักงาน กกต. รวมทั้งลูกน้อง เมื่อรับทราบคำสั่งดังกล่าวที่ออกเมื่อค่ำวานนี้ ต่างก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจนายณัฏฐ์ ในเฟสบุ๊คส่วนตัว ขณะที่นายณัฏฐ์เองยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ โพสต์เพียงสั้นๆ ว่า “หนังเศร้าแต่ฉันก็โอเคเพราะอยู่คนเดียว”