"ธนาธร" ย้ำ ไม่มีเจตนาร้ายต่อประเทศ หลังโดนจวกปมจ้อต่างชาติ อัด "บิ๊กตู่" เป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงจากประชาธิปไตยสู่เผด็จการ ซัด "รัฐบาลประยุทธ์ 2/1" ไม่มีทางปฏิรูปได้ เหตุไม่ได้มีความฝันเหมือนกัน แค่อยากเป็นรัฐบาล ให้คำนิยาม "ระบบคสช.จากการเลือกตั้ง"เหตุมรดกคสช.ยังแฝงอยู่ในรธน.ย้ำ "อนาคตใหม่"จะต่อสู้ในสภาอย่างสันติ วันที่ 16 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวVOA Thai ถึงภารกิจการเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าจากการปฏิบัติภารกิจก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนโยบายต่างประเทศของรัฐสภาล่างและสภาบน ขณะที่ภารกิจที่นิวยอร์กตนได้เจอกับมูลนิธิเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งสนใจสถานการณ์การเมืองและสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เรายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับทางฝั่งรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหากมีโอกาสได้พูดคุยเราจะเข้าใจท่าทีของชาวสหรัฐอเมริกาทันทีว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะมีท่าทีอย่างไรต่อสิทธิมนุษยชนในเอเชียหรือทั่วโลก และควรจะผลักดันอะไรต่อไป เมื่อถามว่าการเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศครั้งนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับพรรค หรือเป็นการประชาสัมพันธ์ นายธนาธร กล่าวว่า ภารกิจในครั้งนี้เรามาดูเรื่องการพัฒนาเมือง ตนคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะพรรคอนาคตใหม่ได้ส่งทีมของพรรคลงเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ซึ่งการไปที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เราก็ไปทำความเข้าใจว่าทางอังกฤษเขาพัฒนาเมืองกันอย่างไร ผู้บริหารเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมีเยอะแค่ไหน ความสัมพันธ์กับรัฐบาลส่วนกลางเป็นอย่างไร เป็นต้น เมื่อถามว่าพรรคอนาคตใหม่จะส่งคนลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้วยหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ขณะนี้เรายังไม่ได้มองส่วนอื่น เรากำลังอยู่ในกระบวนการดูการเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับอบจ.อยู่ เมื่อถามว่า การเดินทางมาปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศครั้งนี้ ถูกวิจารณ์ว่าทำให้ประเทศไทยเสียหายที่มาพูดกับต่างประเทศ นายธนาธร กล่าวว่า ก็เป็นคำโจมตีของฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว จากคนที่ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นในประเทศไทย ตนขอชี้แจงว่า พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายกับประเทศ มีแต่เจตนาดีมีความตั้งใจที่อยากทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งมีวิธีเดียวนั่นคือทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง หยุดยั้งวงจรรัฐประหาร ปฏิรูปกองทัพ ทำให้รัฐประหารไม่เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้เริ่มเข้ามาทำงานในสภาฯ แต่หลายส่วนก็ยังเป็นมรดกทางการเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้ความตั้งใจที่จะแก้ไขในสิ่งที่อยากทำนั้นทำได้ไม่เต็มที่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอนิยามระบบการเมืองนี้ว่าคือระบบคสช.ที่มาจากการเลือกตั้งน่าจะเหมาะสมที่สุด นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย ตนคิดว่าระบบคสช.มันยังอยู่กับเราในรูปแบบของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าจะสู้และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาอย่างสันติ เราอยากทำการเมืองที่สร้างสรรค์ มีการอภิปรายที่สร้างสรรค์ อยากทำการเมืองที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของแกนนำของพรรคหรือนายทุนพรรค เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เคยมาเยือนทำเนียบขาวและได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อปี 2559 ขณะที่เมืองไทยยังอยู่ภายใต้คสช.นายธนาธร กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถก้าวก่ายรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ เพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ก็มาจากการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ตนอยากสื่อสารไปถึงประชาชนถ้าอยากได้ประชาธิปไตยหรือสังคมที่คนทุกคนเท่าเทียมกัน สังคมที่มีนิติรัฐ เราไม่สามารถเรียกหาสังคมนี้ได้จากนานาชาติ แต่เราต้องสร้างเอง เมื่อถามย้ำว่าในขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าตนเองกับประธานาธิบดีทรัมป์นั้นมีความเหมือนกัน คือเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นายธนาธร กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจนของพล.อ.ประยุทธ์ คือเปลี่ยนแปลงจากรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยไปเป็นรัฐบาลที่เป็นเผด็จการ รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ทั้งชุด 1 และชุด 2 ไม่มีทางปฏิรูปได้เลย ขนาดรัฐบาลชุดที่ 1 ที่มีอำนาจมาตรา 44 ก็ยังทำไม่ได้ และรัฐบาลชุดนี้ ที่มีพรรคร่วม 19 พรรคไม่มีทางปฏิรูปที่มีความหมายได้เลย "ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะเดินไปข้างหน้า อยากให้เมืองของเราอิสระในการใช้ทรัพยากร การพัฒนาทิศทางของเมืองควรให้ชาวเมืองมีส่วนร่วมและกำหนดเอง ไม่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงต่างๆ แต่ให้แต่ละเมืองมีอำนาจในการออกแบบนโยบายและพัฒนาเมืองของตัวเองได้ นี่จะเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งการจะทำอย่างนี้ได้ต้องปฏิรูประบบราชการ ต้องเอาอำนาจที่อยู่ศูนย์กลางกลับมาอยู่ที่เมือง สิ่งนี้จะไม่เห็นจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2 เรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่ต้องแตะต้องกับผลประโยชน์ การปฏิรูปอะไรก็แล้วแต่ที่จะต้องใช้เจตจำนงค์ทางการเมืองอย่างมหาศาล คุณจะไม่เห็นเพราะ 19 พรรคที่เข้ามาทำงานร่วมกัน ไม่ได้มาอยู่ตรงกลางเหมือนกัน ไม่ได้มีความฝันเหมือนกัน ไม่ได้อยากเห็นประเทศไทยไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน แต่เข้ามาร่วมกันเพียงเพราะอยากจะเป็นรัฐบาล ดังนั้นการปฏิรูปที่จะต้องแตะต้องเชิงโครงสร้าง ซึ่งประเทศไทยจำเป็นมาก การปฏิรูปที่จำเป็นต้องชนกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในเรื่องนั้น หรือด้านนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้แน่" นายธนาธร กล่าว