นายก อบต.ด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก เปิดโครงการส่งเสริมและสนับสนุนวันเข้าพรรษา ประจำปี 2562 ส่งเสริมให้มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต วันนี้ (15 ก.ค.62) ศาลาหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย นายอชิรพัฒน์ สิงห์ทรายขาว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข เป็นประธานเปิด โครงการส่งเสริมและสนับสนุนวันเข้าพรรษา ประจำปี 2562 โดยมี คณะผู้บริหาร ,ผู้บริหารสถานศึกษา ,สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่พนักงาน อบต.ด่านศรีสุขร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยมี หลวงพ่อเคน รติโก เจ้าอาวาสวัดบ้านด่านศรีสุข บรรยายธรรม นายอชิรพัฒน์ สิงห์ทรายขาว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลด่านศรีสุข กล่าวว่า โครงการส่งเสริมและสนับสนุนวันเข้าพรรษา ประจำปี 2562 เป็นความร่วมมือของอบต.ด่านศรีสุข ชุมชนท้องถิ่น สถานศึกษา วัด ในการมีส่วนร่วมของประชาชนในตำบลด่านศรีสุข ร่วมทำกิจกรรมวันเข้าพรรษา ให้เกิดความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ เมื่อสังคมท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศชาติก็จะเข้มแข็งด้วย ที่สำคัญที่สุดคือการสร้างความอบอุ่นแก่สถาบันครอบครัว ส่งเสริมให้มีคุณธรรมจริยธรรมที่ดี โดยได้ร่วมกันถวายเทียนพรรษา ผ้าไตร ข้าวสาร สิ่งของต่างๆ แด่พระภิกษุสงฆ์ในเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต “สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งที่จะส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ให้กับพุทธศาสนิกชน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมประเพณีทางพระพุทธศาสนาอันดีงามของชาติไทย และถวายเป็นพุทธบูชา” นายอชิรพัฒน์ กล่าว “วันเข้าพรรษา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝน ที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือภาษาปากว่า "จำพรรษา" "พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน "จำ" แปลว่า พักอยู่ การเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง พระสงฆ์จะไม่จำพรรษาไม่ได้ เนื่องจากรูปใดไม่จำพรรษาถือว่าต้องอาบัติทุกกฎตามพระวินัย การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา เทศกาลเข้าพรรษา คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ถือว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางศาสนาพุทธที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน ต่อจากวันอาสาฬหบูชา คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไป ได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยสุโขทัย สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือน มีเหตุผล คือ ให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแผ่ศาสนาไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้าน ที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และเวลา 3 เดือน ยังเป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปี ที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาส หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย ในช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนก็ถือโอกาสนี้ ในการบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่นๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา ส่วนชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช คืออายุครบ 20 ปี จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบท เพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า "บวชเอาพรรษา" ในปี พ.ศ.2551 รัฐบาลได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น "วันงดดื่มสุราแห่งชาติ" โดยในปีถัดมายังได้ประกาศให้วันเข้าพรรษา เป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วราชอาณาจักรด้วย ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ให้ชาวไทยตั้งสัจจะอธิษฐานงดการดื่มสุราในวันเข้าพรรษา และในช่วง 3 เดือนระหว่างฤดูเข้าพรรษา เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีให้แก่สังคมไทย.