วันที่ 14 ก.ค.62 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ว่า รัฐบาลใหม่นี้ ไม่ทันเก่าก็คงไปแล้ว แต่ทั้งนี้ ตนก็มีข้อเสนอแนะไปยังฝ่ายค้าน ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมาแล้ว นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลตั้งรัฐมนตรีหลายคนที่มีปัญหาด้านคุณสมบัติ และใช้ทฤษฎีเฉลี่ยความชิงชัง ตั้งคนที่มีปัญหาให้ถูกอภิปรายหลายๆ คน เพื่อเบี่ยงเป้าหมายจากแกนนำหลักของรัฐบาล ถ้าตั้งคนดีทั้งหมด คนก็พากันอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียว แต่เมื่อคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.มีปัญหาหลายคน ก็เฉลี่ยๆ อภิปรายหลายคน จนทำให้ประเด็นที่ต้องอภิปรายนายกรัฐมนตรีลดลงไป นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า ทฤษฎีดังกล่าวนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ตนยังเห็นว่า ที่เป็นข่าวเรื่องคุณสมบัติคนสองคนนั้น ความเป็นจริงอาจมีรัฐมนตรีที่มีปัญหามากกว่านั้นด้วยซ้ำ คนที่มีความเก๋าในทางการเมือง ได้ใช้ทฤษฎีเฉลี่ยความชิงชังนี้เดิมพัน ทำให้คนลืมเรื่องคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี ที่พูดถึงกันก่อนหน้านี้ นายจตุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลลักษณะนี้ต้องเจอฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่เหมือนปัจจุบัน ก็คงได้แต่เป็นข่าว แต่คว่ำรัฐบาลไม่ได้"เสื้อผ้า หน้าผม ภาษา เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ แต่เรื่องที่จะพูดถึงแล้วล้มรัฐบาลได้ คือ เรื่องปากท้องประชาชน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น" นายจตุพร กล่าว ทั้งนี้ ฝ่ายค้านต้องหยุดการพูดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องได้แล้ว ด้วยความเป็น ส.ส.สามารถอภิปรายรัฐบาลในสภาฯ ได้โดยไม่มีความผิด ไม่ต้องติดคุก แต่หากตนพูดนอกสภาฯ ตนก็อาจจะติดคุกได้ อย่างไรก็ตาม สภาฯ เป็นที่คว่ำรัฐบาล หากไม่คว่ำรัฐบาลในสภาฯ แล้ว ก็ต้องมีการรัฐประหารอีกหรือ รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำเช่นนี้ หาได้ยากในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นายจตุพร กล่าวต่อว่า เริ่มต้นที่การอภิปรายในวันแถลงนโยบายที่จะถึงนี้ ฝ่ายค้านต้องทำการบ้าน เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเป็นอย่างดี สู้กันที่ข้อเท็จจริง ฝ่ายค้านในตอนนี้ต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ มีเรื่องให้อภิปรายรัฐบาลมากมาย ทั้งเรื่องนโยบายที่ทำไม่ได้ เรื่องทีมเศรษฐกิจชุดเดิม ที่ทำงานมา 5 ปีแล้วไม่มีผลงาน เป็นต้น