วันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างนโยบายรัฐบาลซึ่งมีทั้งหมด 41 หน้า ที่รวบรวมนโยบายจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค โดยมีนโยบายเร่งด่วน 1 ปี กับ 4 ปี เร่งด่วนครอบคลุม4ด้าน ได้แก่ แก้ปัญหาปากท้อง,แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ,การสร้างอนาคตให้ประชาชน และการแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า นโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำทันทีใน 1 ปีแรก คือ 1.นโยบายลดความเหลื่อมล้ำ จะต้องสานต่อในเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ซึ่งต้องทำให้เหมาะสมและเป็นธรรม นโยบายมารดาประชารัฐ นโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และค่าแรงขั้นต่ำ 2.นโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น และระยะยาว อาทิ การแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตร การส่งออกสินค้าทางการเกษตร และการทำอุโมงค์ส่งน้ำจากภาคเหนือไปยังภาคอีสาน เป็นต้น โดยรายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างการจัดทำร่างนโยบายนั้น ได้มีความพยายามกดดันอย่างหนักจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นเงื่อนไขในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญภายใน 1 ปีแรกของรัฐบาลเข้ามา อย่างไรก็ตามตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาล มองว่าเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และไม่ต้องการให้มีเงื่อนไขความขัดแย้ง เพราะจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลจึงเห็นพ้องกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่วาระสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ “หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอน และควรรับฟังความเห็นจากประชาชน อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านการทำประชามติ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาไม่กี่เดือน พรรคประชาธิปัตย์และฝ่ายค้าน ตั้งธงที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว จะทำให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์อาจจะเสียงคะแนนนิยม หากมัวแต่เล่นเกมการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะสูญพันธุ์ได้” รายงานข่าวแจ้งอีกว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าควรบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปก่อน เพราะมีจุดแข็งอยู่ที่การปราบปรามการทุจริต จนได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยมาโดยตลอด และทำให้นักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน เกรงกลัวการกระทำผิด และไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลไกควบคุมการทุจริตเริ่มมีผลกระทบต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีของ นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่โดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุก 1 เดือน พร้อมตัดสิทธิทางการเมือง ในคดีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. “ส่วนคดีห้าม ส.ส. ถือหุ้นกิจการสื่อ ซึ่งเป็นมาตรการควบคุมไม่ให้ ส.ส. เอาเปรียบหรือส่อในทางทุจริต ทำให้มี ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองโดนตรวจสอบ โดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ฝ่ายค้านอยากแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวด้วย เพราะหากนายธนาธรโดนตัดสินว่ามีความผิด แต่หากแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวได้ นายธนาธรอาจจะพ้นผิด เนื่องจากอาจจะมีการระบุไว้ในกฎหมายให้ยกเว้นโทษย้อนหลัง ซึ่งฝ่ายค้านหวังจะใช้กรณีดังกล่าวให้เป็นประโยชน์ หากพรรคร่วมรัฐบาลตกหลุมพราง อาจจะเข้าทางของฝ่ายค้านได้” แหล่งข่าวระบุ