วันที่ 14 ก.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับสั่งการให้ทุกกองบัญชาการ เพิ่มความเข้มในการป้องกันปราบปรามเด็กแว้น การจัดแข่งรถในทางที่ผิดกฎหมาย ที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนและสังคม ในห้วงที่ผ่านมา ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ย้ำให้แก้ไขการแข่งรถในทาง (เด็กแว้น) ซึ่งเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนบนท้องถนน โดยตำรวจได้ดำเนินการมาตลอด จึงมอบหมาย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงมากำกับดูแล ออกมาตรการให้ตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มในการปราบปรามเด็กแว้น การแข่งรถผิดกฎหมาย ให้แต่ละกองบัญชาการ กองบังคับการไปตั้งชุดปฏิบัติการกำหนดตัวผู้รับผิดชอบให้ชัดเจนเพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน บูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันแก้ไขปัญหา เน้นการทำงานเชิงรุก จับกุมรายใหญ่ รายย่อย พร้อมออกตรวจสอบตามแหล่งมั่วสุม จุดจอด จุดพักรถ เช่น ร้านเซเว่น ร้านเกมส์ หรือร้านอาหาร เป็นต้น และขอความร่วมมือสถานศึกษา ร้านซ่อมรถ ในพื้นที่ เพื่อเข้าไปตรวจสอบโรงรถ ลานจอดรถ รวมทั้งกลุ่มที่ไม่ใช่นักเรียน นักศึกษา ให้ตรวจสอบแหล่งมั่วสุม หากพบรถดัดแปลงสภาพ อุปกรณ์ส่วนควบไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ให้ทำการยึดรถมาตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมให้นำท่อที่ได้มาตรฐานมาเปลี่ยน ทำประวัติผู้ขับขี่เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของผู้กระทำความผิดอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง อาจมีมาตรการดำเนินการกับ บิดามารดาหรือผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชน รวมกลุ่มหรือมั่วสุม เพื่อแข่งรถในทาง ต้องถูกนำมาตักเตือน ทำทัณฑ์บน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนกระทำความผิดซ้ำอีก พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีผลการจับกุม การตรวจยึด รถจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงสภาพรถ อุปกรณ์ส่วนควบไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ไปแล้วหลายรายส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังปรากฎตามที่สื่อสังคมออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดีย ฝากเตือน วัยรุ่นเยาวชน นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่กระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง ให้เลิกพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนสังคม ขอให้ผู้ปกครองช่วยกันดูแลบุตรหลานตักเตือนอบรมสั่งสอน ซึ่งนอกจากตัวผู้กระทำเองจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว อาจส่งผลต่อผู้ปกครอง ผู้ดูแลที่จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากประชาชน พบข้อมูลเบาะแส หรือ เหตุด่วน เหตุร้าย สามารถโทรที่หมายเลขสายด่วน 191 , 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง