ยังคงต้องติดตามบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในสัปดาห์นี้ (15-19 ก.ค.2562)อย่างไม่กระพริบตา เพราะมีปัจจัยที่สำคัญทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ และภายในประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ น่าจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก คือเรื่องที่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ หลังจากที่วันนี้ (10 ก.ค. 2562) มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายใต้การนำของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หลังจากนั้นจะมีการแถลงนโยบายรัฐบาล ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้รวบรวมนโยบายของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาล ให้เป็นนโยบายเดียวกันเพื่อแถลงต่อรัฐสภา หลังจากนั้นก็ถือเป็นที่เรียบร้อย รัฐมนตรีก็เริ่มทำงาน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์เศรษฐกิจที่ตอนนี้จากการรายงานข่าวพบว่า"ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธในการเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของ"ครม.รัฐบาลประยุทธ์2"เป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ปัจจัยภายนอกประเทศก็มีผลเช่นกัน โดยการตีความถ้อยแถลงของประธานเฟดว่า เป็นการส่งสัญญาณถึงโอกาสการลดดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้ เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากธปท. ออกมาตรการเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น โดยปรับลดเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี NRBA และ NRBS และยกระดับการรายงานข้อมูลถือครองตราสารหนี้ไทยของต่างชาติ ทั้งนี้"ธนาคารกสิกรไทย"ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ว่า เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์ จากแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ก่อนจะดีดตัวขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ ตอบรับความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล และมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ เช่นเดียวกับตลาดเอเชียอื่นๆ ประกอบกับนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง หลังธปท. ออกมาตรการเพื่อเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น สำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-19 ก.ค.2562 "บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด" มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,725 และ 1,710 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,740 และ 1,755 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 ของบริษัทจดทะเบียนไทย สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย. รวมถึงผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟียเดือนก.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/62 ของจีน ด้าน"บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส" (ASP) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันที่ 15- 19 ก.ค. ดัชนีอยู่ในช่วงการปรับฐานราคา โดยอาจเห็นการชะลอตัวของ Fund Flow ที่เคยเป็นแรงผลักดันตลาดหุ้นไทยเป็นการชั่วคราว ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวระหว่างสัปดาห์ SET Index จะมีแนวรับที่1,710/1,175 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,750 จุด จากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีแกว่งพักตัวในกรอบ 1,721 – 1,748 จุด มาปิดที่ 1,731.59 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.36 จุด ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ นอกจากเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจ ที่เป็นตัวกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตแล้วในประเทศ คือการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2562 ซึ่งโดยภาพรวมฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะเห็นการชะลอตัวทั้ง YoY และ QoQ นอกจากนี้ยังมีเรื่องขั้นตอนที่จะนำไปสู่การเริ่มปฏิบัติงานของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง