“ปณิธาน”เผย ฝ่ายความมั่นคงติดตามขู่ฆ่า “บิ๊กป้อม”ได้แล้ว ชี้ ปองร้ายผู้นำประเทศเป็นเรื่องปกติ ยัน ไม่เกี่ยวปรองดอง เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 3 ก.พ. ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ระบุมีคนขู่สังหารว่า เรื่องนี้หน่วยความมั่นคงที่ติดตามความเคลื่อนไหวได้ตรวจจับภัยคุกคามผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลมาโดยตลอด การข่มขู่ลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาเป็นระยะ เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาที่มีการข่มขู่ผู้นำทุกวัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดลำดับว่าเป็นภัยคุกคามระดับใด เป็นเรื่องล้อเล่นหรือเรื่องจริง เมื่อหน่วยงานกรองของไทยพบภัยลักษณะนี้ก็จะจัดระบบเพื่อเตรียมการรับมือ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ประมาท เมื่อถามว่า มีข้อมูลหรือไม่ว่าการข่มขู่ดังกล่าวมาจากกลุ่มใด นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการประเมินจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎในระบบ หากมีข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้บริหารระดับสูง ฝ่ายความมั่นคงจะติดตามความเคลื่อนไหวแล้วประเมิน แต่ไม่เจาะจงว่าเป็นคนกลุ่มใด ทั้งนี้สถานการณ์โดยทั่วไปเรียบร้อยดี การเมืองวันนี้ไม่ได้มีปัญหา เพราะในภาพรวมทุกคนมุ่งสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป ความคาดหวังที่จะให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องการ และวันนี้มีกระบวนการพูดคุยปรองดอง หากเรื่องเหล่านี้ไปกระทบต่อผู้ไม่เห็นด้วยก็อาจจะมีการดำเนินการ แต่หน่วยงานความมั่นคงจะประเมินอีกครั้งว่าสถานการณ์นี้มาจากที่ใด “ภัยคุกคามลักษณะนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หลายประเทศก็มี เป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่จะชี้แจง หลังได้ประเมิน วิเคราะห์ แต่เบื้องต้นระบบรักษาความปลอดภัยจะยังเข้มข้นเช่นเดิม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาในการบริหารงาน ผู้นำรัฐบาลเองก็ไม่ได้รู้สึกกดดัน ทุกอย่างสงบเรียบร้อย พล.อ.ประวิตร ต้องการให้ประชาชนรับทราบว่าการทำงานนั้นมีอุปสรรคบ้าง แต่ไม่ได้กระทบอะไรมากมาย” นายปณิธาน กล่าว เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่า เหตุใดถึงมีเรื่องลักษณะนี้ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าปรองดอง นายปณิธาน กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ก็ต้องประเมินอีกครั้งว่ากระทบกับผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีความเชื่อมโยงอะไร เมื่อถามว่า ดูแล้วศักยภาพผู้ที่จะกระทำการดังกล่าวในประเทศไทยนั้นมีน้อย นายปณิธาน กล่าวว่า ประเมินเช่นนั้นคงไม่ได้ หลายประเทศมีประสบการณ์ที่ผู้นำประเทศโดนปองร้ายมาแล้ว แม้จะเป็นประเทศที่มีศักยภาพมากกว่าไทย เช่น สหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรป ผู้นำก็โดนปองร้าย บางประเทศไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด ประเทศไทยตั้งแต่อดีตที่ผ่านมามีเรื่องเหล่านี้น้อย แต่ความขัดแย้งในรอบหลายปีมานี้ทำให้เห็นว่าจะต้องจัดระบบใหม่เพื่อรับมือได้อย่างเหมาะสม แต่ไม่ได้ตื่นตระหนก