กระแสรักสุขภาพของคนไทยยังคงมาแรง ด้วยมูลค่าภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค (DOD BIOTECH) จำกัด(มหาชน) เจ้าแห่งตลาดรับผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอันดับ 1 ของเอเชีย หลังจากที่ผลิตแบรนด์สินค้าให้กับแบรนด์ชื่อดังกว่า1,000 แบรนด์ ก็ขออิงเทรนด์สุขภาพด้วยการการเปิดตัวแบรนด์ของตัวเองในนาม “อัลทิมา ไลฟ์” นำทีมโดย คุณพรรษมนต์ ธราวิทย์ณัฐกุล กรรมการผู้จัดการ คุณธานัท จารุฤทธิไกร ผู้บริหารฝ่ายการตลาด และ ภญ.ภัสราธาดา วัชรธาดาอาภาภัค ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ นำทีมผู้บริหารบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด จัดเสวนาเปิดตัว “อัลทิมา ไลฟ์” แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมด พร้อมเปิดโผถึงทิศทางการธุรกิจ ตลอดจนกลยุทธ์ของแบรนด์อัลทิมา ไลฟ์ ตัวช่วยในการดูแลสุขภาพและความงามที่ผสมผสานนวัตกรรมใหม่ที่ดีที่สุดในยุคนี้ พร้อมชูเทคโนโลยีเออาร์ สแกน (AR Scan) มาเสริมฟังก์ชั่นการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ คุณพรรษมนต์ ธราวิทย์ณัฐกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด เผยถึงภาพรวมของธุรกิจ ที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่มิติเดียว แต่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันตรงจุดอย่างปลอดภัย ซึ่งเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของยุคใหม่เป็นอย่างมาก “ในตอนนี้สินค้าอัลทิมา ไลฟ์มีทั้งหมด 11 รายการ ราคาเริ่มต้นที่ 590-1,990 บาท สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกปัญหาของคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ดูแลรูปร่าง สัดส่วน สุขภาพทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือแม้แต่กลุ่มที่ต้องการย้อนวัย สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของเรามุ่งเน้นในเรื่องของการป้องกัน เพราะเราอยากจะส่งเสริมให้ทุกบ้านรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติมจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน เพื่อช่วยป้องกันและทำให้สุขภาพแข็งแรง เราจะเน้นเรื่องความปลอดภัยระดับสากล ในส่วนของผลิตภัณฑ์ทุกรายการ เพราะเรามีฝ่ายวิจัย มีผลการทดลองรับประทานจริงในห้องแล็ป สารสกัดทุกตัวมีใบการันตีถูกต้อง สามารถบอกถึงที่มาที่ไปได้ว่าสารสกัดมาจากไหนบ้าง มีความปลอดภัยระดับไหน มีสารปนเปื้อนระดับไหน แล้วมีความเสี่ยงมั้ย ถ้ามีเราไม่ใช้แน่นอน เพราะโรงงานการผลิตที่เราเลือกก็คือ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค (DOD BIOTECH) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอัลทิมา ไลฟ์ ได้มีการคิดค้นสูตรและทำอาหารเสริมให้หลายแบรนด์ดังมากมาย ดังนั้น ทุกกระบวนการสามารถตรวจสอบได้ ทุกส่วนของโรงงานดีโอดีก็มีมาตรฐานระดับโลก เพราะดีโอดี คือโรงงานเอกชนแห่งเดียวในไทย ที่สามารถสกัดสมุนไพรไทย หรือจากพืชต่างๆ ได้ เช่น ขมิ้นชัน เมื่อก่อนเราอาจจะต้องซื้อจากโครงการต่างๆ ของรัฐบาล แต่ตอนนี้เรามีโรงงานสกัดที่สามารถสกัดขมิ้นชัน แล้วดึงเฉพาะสารสกัดสำคัญเท่านั้น ออกมาใช้ เช่น เมื่อก่อนเวลาทานขมิ้นชันอาจจะต้องทาน 6 เม็ดต่อวัน แต่เมื่อเราดึงสารสำคัญๆ ที่มีในขมิ้นชันออกมาด้วยการสกัด ก็จะทำให้การทานลดลงเหลือแค่ 3 เม็ดแต่คุณสมบัติและคุณภาพเท่าเดิม” ด้าน คุณธานัท จารุฤทธิไกร ผู้บริหารฝ่ายการตลาด ยังเผยถึงทิศทาง กลยุทธ์ และเป้าหมายของอัลทิมา ไลฟ์ ว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์เพิ่มกว่า 30 รายการ โดยตั้งเป้ายอดขายภายในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 300 ล้านบาท และในปีพ.ศ. 2563 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท และภายใน 3-5 ปีเราตั้งเป้าไว้ที่ 3 พันล้านบาท โดยเปิดรับสมัครสมาชิกเริ่มที่ 200 บาทเท่านั้น “สำหรับกลยุทธ์ที่อัลทิมา ไลฟ์ใช้รุกตลาดอาหารเสริม เน้นที่ความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ เราอยากให้ผู้บริโภคได้เห็นว่า “ของที่ดี..มีคุณภาพมีอยู่จริง” นักวิจัยที่มาคิดค้นสารสกัดใหม่ๆ ให้เรา ก็เป็นนักวิจัยที่มีความรู้ มีงานวิจัยที่รองรับ เรียกว่าเราเป็นศูนย์รวมนักวิจัยพัฒนา ซึ่งมีทั้งของเราเอง และของสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลกมาเป็นพาร์ทเนอร์กับเราค่อนข้างมาก ดังนั้นเราจึงสามารถนำสารอาหารที่มีประโยชน์จริงๆ และสารสกัดที่ส่งผลดีต่อผู้บริโภคจริงๆ มาสู่ผลิตภัณฑ์ของเรา โดยเราตั้งงบในการทำมาร์เก็ตติ้งไว้ 50 ล้านบาท เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างและช่วยสมาชิกของเราให้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น เช่น การเลือกพรีเซนเตอร์ชื่อดัง และตรงกับผลิตภัณฑ์ อาทิ จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช, แอนดี้ เขมพิมุข, แหม่ม-วิชุดา นอกจากนี้ยังมีดาราดังอีก 2 ท่าน ที่จะมาสร้างเซอร์ไพรส์และเป็นต้นแบบของคนสุขภาพดียุค 2020 ที่จะมาถึงนี้ โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี อัลทิมายังมีแพลนผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กออกมาเพื่อลูกๆ ที่คุณรักอีกด้วย” นอกจากนั้น “คุณธานัท” ยังเผยต่ออีกว่า อัลทิมา ไลฟ์ ยังมีแนวทางที่จะผลักดันให้ตัวแทนและสมาชิกที่มาร่วมธุรกิจให้นำความรู้ไปต่อยอดสู่รายได้ ผ่านระบบการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ อัลทิมา ไลฟ์ คัดสรรมาโดยเฉพาะตัวแทนและสมาชิกเท่านั้น “เรามีโรงเรียนในการสอนให้เค้าทำธุรกิจให้เป็น สอนให้เค้าขายของเป็น สอนให้เค้าสร้างรายได้ได้อย่างถูกวิธีและใช้ได้ในระยะยาว เพราะว่าเรามีความเชื่อว่า เค้าจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เค้าจะต้องมีความรู้ เพราะถ้าไม่มีความรู้ก็ไม่สามารถสร้างอาชีพได้ ถ้าคุณมีความรู้ คุณจะมีอาชีพ มีรายได้ เราจะให้ความรู้จนคุณมีทักษะและความรู้ในทุกด้านโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในแขนงนั้นๆ กว่า 100 คอร์สเรียน เพื่อให้คุณนำความรู้ที่ได้รับจากเราไปสร้างรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน โดยที่เราจะไม่ทอดทิ้งคุณ” พร้อมปิดท้ายงานสัมมนาด้วยการโชว์เทคโนโลยีเออาร์ สแกน (AR Scan) ตัวช่วยในการเข้าถึงและรู้จักผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดด้วยตัวคุณเอง เพียงแค่ใช้โทรศัพท์สแกนเออาร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำเอาภาพเสมือน 3 มิติจำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและมีการประมวลผล โดยการทำให้วัตถุ 3 (ภาพเสมือน) ทับซ้อนกันกับภาพจริงเป็นภาพๆ เดียว โดยเราสามารถมองผ่านกล้องได้โดยตรง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสัมผัสมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ ควบคู่กับการสร้างรายได้ที่มั่นคง ได้ที่ Facebook : Ultimalife by DOD , Line : @ultimalifethailand , www.Ultimalife.co.th หรือ โทร 02-147-1683