“ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ฤดูกาล 2019/20 จะเปิดฉากฟาดแข้งในวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมนี้ หากนับถอยหลังเหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนที่ตลาดซื้อ-ขายจะปิดตัวลง(8 สิงหาคม)และบรรดาทีม “ยักษ์ใหญ่” ในพรีเมียร์ลีกก็ยังตกเป็นข่าวกับผู้เล่นชั้นนำจากทั่วทุกทวีปอย่างหลากหลาย รวมทั้งเริ่มกลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเพื่อเตะเกม “อุ่นเครื่องปรีซีซั่น” กันแล้ว สำหรับโปรแกรมปรีซีซั่นของ “6 สโมสร” ชั้นนำในศึก “พรีเมียร์ลีก” จะพบเจอใครบ้างเริ่มจาก *แมนฯ ซิตี้ เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และคาราบาวคัพ ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับซีซั่นใหม่ เริ่มจากยกพลเยือน “ทวีปเอเชีย” ในรายการ “พรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่” ที่ปีนี้ไปเตะกันที่ประเทศจีน โดยเกมแรกเจอกับ “เวสต์แฮม ยูไนเต็ด” ที่เมืองหนานจิง วันที่ 17 ก.ค. หากชนะจะเข้าชิงชนะเลิศที่เมือง “เซี่ยงไฮ้” หรือแพ้จะไปชิงอันดับสามที่เดิมเมือง “หนานจิง” เจอกับคู่แข่งระหว่าง “นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด” หรือ “วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส “ในวันที่ 20 ก.ค. เสร็จจากภารกิจที่จีน จะแวะอุ่นเครื่องต่อที่ “ฮ่องกง” เจอกับ “คิตฉี” ที่สนาม ฮ่องกง สเตเดี้ยม วันที่ 24 ก.ค. และไปจบที่ประเทศญี่ปุ่น เจอกับ “โยโกฮามา มารินอส” ทีมของแบ็กซ้ายทีมชาติไทย “ธีราทร บุญมาทัน” ที่สนาม อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม โยโกฮามา หรือ นิสสัน สเตเดี้ยม 27 ก.ค. จากนั้นถึงบินกลับอังกฤษ ทำศึก “คอมมิวนิตี้ ชิลด์” เจอกับ “ลิเวอร์พูล” ในอาทิตย์ที่ 4 ส.ค.หนึ่งสัปดาห์ก่อนเริ่มต้นพรีเมียร์ลีก *ลิเวอร์พูล “เจ้าของแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก” 6สมัย และรองแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” ได้วางโปรแกรมอุ่นเครื่องอย่างแน่นเอี๊ยดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 11 กรกฎาคม ออกไปเยือน “ทรานเมียร์ โรเวอร์ส” ที่สนามเพรนตัน พาร์ค ต่อด้วยเกมเจอ “แบร๊ดฟอร์ด ซิตี้” ที่สนามนอร์ทเธิร์น คอมเมอร์เชียลส์ สเตเดี้ยม วันที่14 ก.ค.เสร็จจากนั้น “เจอร์เก้น คล็อปป์” จะนำลูกทีมบินไปสหรัฐอเมริกา เจอกับรองแชมป์บุนเดสลีกาอย่าง “โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์” ที่ อินเดียน่า วันที่ 19 ก.ค. ก่อนจะพบกับทีมจากลาลีกาสเปน อย่าง“เซบีย่า” ที่บอสตัน วันที่ 21 ก.ค. และเจอ “สปอร์ติ้ง ลิสบอน” ที่ นิวยอร์ค วันที่ 25 ก.ค. และหลังจากเสร็จศึกที่อเมริกา ทัพ “หงส์แดง” จะบินกลับยุโรป และอุ่นแข้งอีก 2 นัด กับ “นาโปลี” ในวันที่ 28 ก.ค. และ “โอลิมปิก ลียง” วันที่ 31 ก.ค. *อาร์เซน่อล “ปืนใหญ่”อาร์เซนอล ของทีมของ “อูไน เอเมรี่” จะออกสตาร์ตเกมแรกที่ “สหรัฐอเมริกา”เจอกับ “โคโลราโด้ ราปิดส์” ทีมดังเมเจอร์ลีกวันที่ 15 ก.ค. จากนั้นจะลงเล่นรายการ “อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ” สามเกมติดต่อกันเจอกับ “บาเยิร์น มิวนิค” ที่ แคลิฟอร์เนียวันที่ 17 ก.ค., ก่อนดวลกับ “ฟิออเรนตินา” ที่ นอร์ธ แคโรไลน่าวันที่ 20 ก.ค. และ “เรอัล มาดริด” ที่ วอชิงตัน ดีซีวันที่ 23 ก.ค. หลังจากนั้น “ปืนใหญ่” จะบินกลับอังกฤษมาเล่นเกม “เอมิเรตส์ คัพ” ที่ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการแข่งขันมาเตะแค่เกมเดียวเจอกับ “โอลิมปิก ลียง” และบุกเยือน “อองเชร์” ที่ ฝรั่งเศสวันที่ 31 ก.ค. และปิดท้ายด้วยการตอบรับคำเชิญเตะ “โจน กัมเปร์ โทรฟี่” ของเจ้าภาพ “บาร์เซโลน่า” ที่สนาม คัมป์ นูวันที่ 4 ส.ค. หนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดซีซั่นพรีเมียร์ลีกด้วยการบุกเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของ “นิวคาสเซิ่ล” *เชลซี “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่มี“แฟรงค์ แลมพาร์ด” อดีตตำนานนักเตะของทีม เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทน ที่ “เมาริซิโอ ซาร์รี” โค้ชสายควันชาวอิตาเลียน ที่โยกไปคุมทัพ “ม้าลาย”ยูเวนตุส ยอดทีมแห่งเวทีกัลโช ซีรีเอ อิตาลี โดยสองเกมแรกจะไปเริ่มต้นกันที่ประเทศญี่ปุ่น เจอกับ “คาวาซากิ ฟรอนตาเล่” แชมป์เจลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน ที่สนาม อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม โยโกฮามา วันที่ 19 ก.ค.ต่อด้วยเกมเจอ “บาร์เซโลน่า” ที่สนาม ไซตามะ สเตเดี้ยม 2002 ภายใต้ชื่อรายการ “ราคูเต็น คัพ”ในวันที่ 23 ก.ค. จากนั้นจะบินกลับอังกฤษ เจอกับ “เร้ดดิ้ง” ทีมแชมเปี้ยนชิพ ที่ มาเดจสกี้สเตเดี้ยม วันที่ 28 ก.ค. ก่อนบินต่อไปยังประเทศออสเตรีย เพื่ออุ่นเครื่องกับ “เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก” แชมป์ลีกออสเตรีย ที่สนาม เร้ดบูลล์ อารีน่า วันที่ 31 ก.ค. *แมนฯ ยูไนเต็ด ทีม “ปีศาจแดง” ของ กุนซือ “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” จะได้โอกาสเตรียมทีมในช่วงปรีซีซั่นแบบเต็มตัวครั้งแรก โดยเริ่มเก็บตัวกันตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เลยทีเดียว โดยสองเกมแรกจะบินไปเตะกันที่ประเทศออสเตรเลีย เจอกับ “เพิร์ธ กลอรี่”วันที่ 13 ก.ค. ต่อด้วย “ลีดส์ ยูไนเต็ด” ทีมดังแชมเปี้ยนชิพ ที่สนาม เพิร์ธ สเตเดี้ยม เช่นเดียวกัน ในอีก 4 วันต่อมา จากนั้น “ปีศาจแดง” จะลงเล่นรายการ “อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ” เจอกับ “อินเตอร์ มิลาน” ที่ประเทศสิงคโปร์วันที่ 20 ก.ค. ต่อด้วยการเจอ “ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์” ที่ เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน วันที่ 25 ก.ค. และบินกลับยุโรป ต่อด้วยโปรแกรมเจอ “คริสเตียนซุนด์” ทีมนอร์เวย์ ซึ่งเป็นทีมเชียร์วัยเด็กของ “โซลชา” และเป็นเมืองเกิดของกุนซือนอร์เวเจี้ยน วันที่ 30 ก.ค. ปิดท้ายกลับไปเล่นในรายการ “ไอซีซี” เจอกับ “เอซี มิลาน” ที่สนาม มิลเลนเนียม สเตเดี้ยม ประเทศเวลส์ เสาร์ที่ 3 ส.ค.เป็นอันเสร็จสิ้นการเดินทางแบบ “นอนสต็อป” ตลอดช่วงปรีซีซั่น *ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ของ “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” ยังคงเน้นโปรแกรมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นแบบน้อยๆ แต่เน้นๆ และปีนี้จะต้องเดินทางไกลมายัง “ทวีปเอเชีย” เจอกับทีมใหญ่ล้วนๆเริ่มจากรายการ “อินเตอร์เนชันแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ” เจอกับ “ยูเวนตุส” ที่ประเทศสิงคโปร์ วันที่ 21 ก.ค.จากนั้นบินต่อไปยัง “เซี่ยงไฮ้” ประเทศจีน เจอกับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”วันที่ 25 ก.ค. ก่อนบินกลับยุโรป จากนั้นจะเข้าร่วมเตะรายการ “เอาดี้ คัพ” ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เจอกับ “เรอัล มาดริด” วันที่ 30 ก.ค. หากชนะจะเข้าชิงชนะเลิศ หรือแพ้ก็จะไปชิงอันดับ 3 เจอกับคู่แข่ง “บาเยิร์น มิวนิค” หรือ “เฟเนร์บาห์เช่” ในหนึ่งวันถัดมา จากนั้นจะได้ต้อนรับเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นเป็นครั้งแรก เจอกับ “อินเตอร์ มิลาน”ในวันที่ 4 ส.ค. ซึ่งเป็นเกมที่สามและเกมสุดท้ายในรายการ “ไอซีซี” โปรแกรมปรีซีซั่นของ “6 บิ๊กทีม” ชั้นนำในศึก “พรีเมียร์ลีก”ที่ออกมา ถือเป็นการลองผิดลองถูกของกุนซือ ในการเตรียมความพร้อมสู้ศึกพรีเมียร์ลีก ที่จะประทุขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึง และไม่ว่าผลการลงอุ่นเครื่องจะออกมาในรูปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น “แพ้ หรือชนะ” ก็คงไม่มีผลอะไร เพราะเป้าหมายจริงๆ ของ “บิ๊กทีม” คือการ “แย่งแชมป์” จากทีม “เรือใบสีฟ้า”ให้จงได้ โดยเฉพาะ “หงส์แดง” หลังอกหักพลาดแชมป์ แต่ “ชนะใจกองเชียร์”และเชื่อขนมกินได้เลยว่า บรรด่ากองเชียร์ คงต้องลุ้นกันมันหยดตั้งแต่แมตต์แรกอย่างแน่นอน....หากใครไม่เชื่อก็ค่อยดูก็แล้วกัน!!!