ขนส่งทางบก เผย 5 อันดับแรกที่คนกรุงนิยมเลือกชำระภาษีรถประจำปี ช่วงไตรมาสที่1ของปีงบประมาณ60 อันดับ 1 ผ่านสำนักงานขนส่งฯรองลงมา คือ ช่องทาง“เลื่อนล้อ ต่อภาษี” แจงจัดเก็บภาษีได้ถึง เกือบ 2 พันล้าน นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บภาษีรถประจำปีในเขตกรุงเทพมหานคร เฉพาะไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม - ธันวาคม 2559) สามารถจัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 1,726,925,048.72 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเลือกชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางต่างๆ ผลปรากฏว่าประชาชนยังคงนิยมใช้บริการรับชำระภาษีรถยนต์ ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 5 ของกรมการขนส่งทางบกมากที่สุด จำนวน 991,718 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 1,173,399,771.82 บาท รองลงมาเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถผ่านช่องทาง “เลื่อนล้อ ต่อภาษี” (Drive Thru for Tax) ชำระภาษีโดยไม่ต้องลงจากรถ จำนวน 196,042 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 336,551,786.63 บาท และการใช้บริการชำระภาษีรถที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์ – อาทิตย์ตามโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” (Shop Thru for Tax) มีประชาชนมาใช้บริการจำนวน 92,566 ราย จัดเก็บภาษีรถได้ทั้งสิ้น 130,051,961 บาท การรับชำระภาษีรถผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ www.dlte-serv.in.th สามารถจัดเก็บภาษี ได้ทั้งสิ้น 32,067,712.51 บาท ส่วนที่ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่ให้บริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 15.00 น. จัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 29,158,946.55 บาท นอกจากนั้นเป็นการรับชำระภาษีรถผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส สามารถจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 21,080,418 บาท ผ่านไปรษณีย์และผ่านโทรศัพท์มือถือ จัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 4,614,452.21 บาท โดยเจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน และต้องเป็นรถที่ไม่ค้างชำระภาษีรถเกินกว่า 1 ปี สำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปี ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ซึ่งปัจจุบันใช้ระบบการรายงานผลการตรวจสภาพรถจาก ตรอ. แบบออนไลน์ โดยไม่ต้องใช้ใบรับรองการตรวจสภาพอีกต่อไป รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกยังคงมุ่งมั่นพัฒนางานด้านบริการอย่างต่อเนื่องและทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้รถและสภาพสังคมในปัจจุบัน อย่างเช่นการนำระบบ QR Code เป็นช่องทางเข้าถึงแอพพลิเคชั่น DLT eForm ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นให้ข้อมูลการให้บริการด้านทะเบียนและภาษีรถ ทั้งยังสามารถดาวน์โหลดหรือกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือ Smart Phone เพื่อนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ทั้งสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน และลดระยะเวลาในการติดต่อราชการอีกด้วย