วันที่ 11 ก.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีสื่อโซเชียลมีเดียเสนอคลิปวีดีโอระบุว่าตำรวจทำร้ายผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 62 เวลา 14.00 น. นั้น ได้รับรายงานจาก สน.หลักสอง บก.น.9 ว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 62 เวลาประมาณ 11.00 น. ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุสน.หลักสองว่า มีเหตุบุคคลวิกลจริตอาละวาดภายในศาลา 60 พรรษา วัดบุณยประดิษฐ์ แขวงบางไผ่ เขตบางแค กทม. ร.ต.อ.วิชาญ ช่มช่วง ตำแหน่ง รอง สวป.สน.หลักสอง พร้อมพวก จึงรีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว เมื่อไปถึงพบชายไม่ ทราบชื่อ-สกุล รูปร่างสูงใหญ่ กำลังอาละวาด อยู่ในอาการมึนเมาคลุ้มคลั่งไม่ได้สติ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันควบคุมตัว และนำผู้ต้องหามายังที่ตั้ง สน.หลักสอง ซึ่งขณะนำตัวมานั้นผู้ต้องหาได้ด่าทอ ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และใช้กำลังขัดขืนไม่ยอมสงบนิ่ง และคล้ายมีอาการคลุ้มคลั่ง เจ้าที่ตำรวจจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อหยุดยั้งและระงับการกระทำของผู้ต้องหา ขณะนั้นจึงมีการใช้กระบองยางที่พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม และต่อมาได้นำตัวผู้ต้องหาขึ้นไปยังห้องควบคุม ได้ทำบันทึกจับกุม ข้อหา เมาสุรา หรือสิ่งมึนเมาอย่างอื่น ส่งพนักงานสอบสวน สน.หลักสองเพื่อดำเนินคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นตามหลักยุทธวิธีตำรวจ ก็จะคำนึงถึงความปลอดภัย ระดับการใช้กำลัง ในขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่การจับกุมการตรวจค้น การควบคุมผู้ต้องหา ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็มิได้มีเจตนาที่จะทำให้ผู้ที่ถูกจับกุมหรือประชาชนให้ได้รับบาดเจ็บ กระทบสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักสิทธิมนุษยชน จากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สังคมให้เกิดความสงบเรียบร้อย แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเกิดความโปร่งใสตอบคำถามสังคม และ พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 ได้มีคำสั่งให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยต้องดูข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง พฤติการณ์ของผู้ต้องหา ว่ามีการขัดขืนการจับกุม ต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยหากผลการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ก็จะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ได้เน้นย้ำการปฏิบัติมาโดยตลอดถึงการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่จะไปกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหา โดยให้กระทำตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น และอาศัยหลักยุทธวิธีเพื่อประเมินระดับการใช้กำลัง และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หมั่นฝึกทบทวนการปฏิบัติงาน ตามยุทธวิธีตำรวจอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความเคยชิน ลดการสูญเสีย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน โดยจะต้องยึดหลัก กระทำการตามอำนาจหน้าที่ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และใช้หลักยุทธวิธีตำรวจควบคู่กันไป